CIMjournal
banner วัคซีน 1

คำถามที่พบบ่อยกับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)


พญ. อัญชลี เสนะวงษ์พญ. อัญชลี เสนะวงษ์
ภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา สถาบันภูมิแพ้ Samitivej Allergy Institute (SAI)
โรงพยาบาล BNH และสมิติเวชธนบุรี

 

Immunotherapy คืออะไร 

Immunotherapy หรือการรักษาโดยภูมิคุ้มกันบำบัดต่อสารก่อภูมิแพ้ (Allergen immunotherapy) คือ การให้สารที่ผลิตจากสารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เพื่อให้ร่างกายของผู้ป่วยค่อย ๆ สร้างภูมิต้านทาน (Tolerance) ต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ปัจจุบันในประเทศไทยมีสองวิธี คือ การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneous immunotherapy, SCIT) และการอมใต้ลิ้น (sublingual immunotherapy, SLIT)


ใครเหมาะสมกับการรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้

ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ต่อไปนี้ที่ยังคงมีอาการ แม้จะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมแล้ว หรือผู้ป่วยไม่ต้องการใช้ยาในระยะยาว หรือได้รับผลข้างเคียงจากยาที่ใช้รักษา และตรวจพบหลักฐานของ specific IgE antibodies sensitization จากการทำ skin prick test หรือการเจาะเลือด1

  1. Allergic rhinitis (AR)
  2. Allergic asthma
  3. Allergic conjunctivitis
  4. Hymenoptera hypersensitivity
  5. Potential indication: atopic dermatitis (eczema)

ข้อห้าม ได้แก่ uncontrolled asthma มีค่า FEV1<70%, ผู้ป่วยที่ได้ยากลุ่ม beta blockers หรือ angiotensin converting enzyme (ACEI), ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคมะเร็ง โรค autoimmune โรคติดเชื้อ HIV หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และผู้ป่วยที่ไม่สามารถให้ความร่วมมือในการรักษาตามขั้นตอนได้อย่างสมบูรณ์1

GINA guideline ปี ค.ศ. 2019 แนะนำ HDM SLIT ในผู้ป่วย House dust mite (HDM)-sensitized asthma ที่ยังมีอาการแม้ใช้ inhaled corticosteroids (ICS) อย่างเหมาะสมซึ่งมี AR ร่วมด้วย

ARIA guideline ปี ค.ศ. 2019 แนะนำพิจารณา IT เมื่อผู้ป่วยมีอาการ moderate to severe AR (VAS score>5) หรือร่วมกับ moderate asthma ที่ยังมีอาการ แม้มีการใช้ยาอย่างเหมาะสมแล้ว


กลไกของการบำบัดทางอิมมูนต่อสารก่อภูมิแพ้ ส่งผลอย่างไร

  • การเกิด desensitization ของ mast cells และ basophils
  •  การเกิด Regulatory T cells และยับยั้งการทำงาน allergen-specific T cell subsets ทำให้เกิด peripheral T cells tolerance ปรับเปลี่ยนการกระตุ้นของชนิด helper T (Th) cells จากเดิมที่ Th0 ต้องเปลี่ยนไปเป็น Th2 และไปมีผลกระตุ้นให้เกิดการอักเสบจากภูมิแพ้ (allergic inflammation) ให้เปลี่ยนไปเป็น Th1 แทน
  • IL-10 และ TGF-β ที่สร้างจาก Treg cells มีผลต่อ B cells และควบคุมการสร้าง antibody โดยมีผลยับยั้งการสร้าง total IgE และ IgE ที่จำเพาะต่อสารภูมิแพ้ (allergen specific IgE) และเพิ่มการสร้าง allergenspecific IgG4
  • เกิดการเปลี่ยน threshold ของ mast cell และ basophils ในการถูกกระตุ้นและลดการหลั่ง histamine อีกทั้ง IL-10 จะลดการทำงานของ eosinophils และลดการสร้าง IL-5 การลดลงของจำนวนเซลล์ และ mediator ของ mast cells และ basophil ในเนื้อเยื่อ


ขั้นตอนการรักษาการให้วัคซีนบ่อยและนานแค่ไหน

SCIT ประกอบด้วย build-up และ maintenance phase ขึ้นอยู่กับ rush, cluster หรือ conventional protocol

  • Rush protocol มีการฉีดเพิ่ม dose ทุก 15 – 60 นาที ใช้เวลา build-up phase 1 – 3 วัน
  • Cluster protocol มีการฉีดเพิ่ม dose 2 – 3 ครั้งต่อ visit, 1 – 2 visits ต่อสัปดาห์ ใช้เวลา build-up phase 4 – 8 อาทิตย์
  • Conventional protocol มีการฉีดเพิ่ม dose 1 ครั้งต่อ visit, 1 – 3 visits ต่อสัปดาห์ ใช้เวลา build-up phase 3 – 6 เดือน
  • ช่วง maintenance จะมีการฉีดยาทุก 4 สัปดาห์
    SLIT มีรูปแบบ drop และ tablet อมใต้ลิ้นต่อเนื่อง 3 – 7 วันต่อสัปดาห์ โดยควรสังเกตอาการในโรงพยาบาลในครั้งแรกที่เริ่มใช้ยา หากขาดยามากกว่า 7 วันควรลดปริมาณยาลง2 ในปัจจุบันมี SLIT tablet ที่มีในอเมริกา ได้แก่ Grastek® (หญ้า Timothy), Ragwitek® (Ragweed), Oralair® (หญ้า 5 ชนิด คือ Sweet Vernal, Orchard, Perennial Rye, Timothy และ Kentucky) และ Odactra® (ไรฝุ่น) ในยุโรป ได้แก่ GRAZAX® (หญ้า Timothy), RAGWIZAX® (Ragweed) และ ACARIZAX® (ไรฝุ่น) โดยในประเทศไทย มีชนิด ACARIZAX® (ไรฝุ่น) ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาควบคุมพิเศษ ทั้ง SCIT และ SLIT ใช้เวลาการรักษาทั้งหมดประมาณ 3 – 5 ปี


การรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ มีประสิทธิภาพเท่าใด และผลอยู่นานแค่ไหน

ประสิทธิภาพของวัคซีนภูมิแพ้ มีหลักฐานถึงการช่วยลดอาการและยาที่ใช้ควบคุมโรค ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้อื่น ๆ และป้องกันการพัฒนาจากโรค allergic rhinitis ไปเป็น asthma1

SCIT: จากการศึกษา PAT study ติดตามผู้ป่วยเด็กที่เป็น seasonal AR ไป 10 ปี ยังพบผลการป้องกันการเกิดโรคหอบหืดได้ 2 – 3 เท่า ที่ 2 – 7 ปี ตามหลังการฉีด pollen SCIT เมื่อเทียบกลุ่มcontrol3 – 4 ประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนสัมพันธ์กับระยะเวลาที่ฉีด

SLIT: จากการศึกษา GAP study พบเด็กที่มีอาการภูมิแพ้จมูกและตาจากหญ้า ซึ่งเดิมไม่ได้เป็นโรคหอบหืด ใช้วัคซีนภูมิแพ้แบบอมใต้ลิ้น SQ grass SLIT tablet ไป 3 ปี และติดตามไปทั้งหมด 5 ปี พบว่า สามารถลดอาการ หรือการใช้ยาจากโรคหืดได้ประมาณ 40% (odds ratio = 0.66) โดยอาการของภูมิแพ้จมูกและตาเองดีขึ้น และใช้ยาลดลงได้ประมาณ 30%5

สำหรับ HDM SLIT ใน AR พบว่า สามารถลดอาการและการใช้ยาได้ 18 – 28%3 และในโรคหอบหืด พบว่า สามารถลด risk ของ moderate or severe asthma exacerbation ในช่วงลดยา ICS 6 เดือน ได้โดย hazard ratio ประมาณ 0.7 สำหรับทั้ง 6 และ 12 SQ-HDM SLIT tablet6 อีกการศึกษาพบว่า สามารถลดปริมาณการใช้ยาพ่นสเตียรอยด์ได้ 81 μg ในผู้ป่วย HDM allergic rhinitis และ mild-to-moderate asthma7 GINA guideline ปี ค.ศ. 2019 ได้ approved การใช้ HDM SLIT ในผู้ป่วย HDM-sensitized asthma


การรักษาโดยวัคซีนภูมิแพ้มีความปลอดภัยหรือไม่

SCIT ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ผลข้างเคียงเฉพาะที่ ได้แก่ ปวด บวม คัน บริเวณที่ฉีด อาการข้างเคียงรุนแรง หรือ systemic reaction เกิดได้ประมาณ 1%1 การเก็บข้อมูล ปี ค.ศ. 2008 – 2014 พบความรุนแรงถึงการเสียชีวิต 2 ราย ภายใต้การดูแลของ allergists จากการฉีดวัคซีน 28.9 ล้าน ครั้ง หรือในผู้ป่วย 344,480 คน8 การฉีดแบบ conventional หรือ cluster protocol ยังไม่มีหลักฐานว่าเกิดผลข้างเคียงแตกต่างกัน9

วิธีการอมใต้ลิ้น (SLIT) นั้น มีรายงานน้อยกว่าวิธีการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (SCIT) โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ปฏิกิริยาเฉพาะที่ เช่น อาการบวมและคันในช่องปาก มักเกิดช่วงแรก และเมื่อให้การรักษาต่อไป อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงเองได้ ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต


การรักษาโดยวัคซีนภูมิแพ้ต้องมีการเตรียมตัวผู้ป่วยอย่างไรบ้าง

  1. หากมีการ premedication ควรรับประทานยาแก้แพ้อย่างน้อย 30 – 60 นาที ก่อนรับวัคซีน
  2. สังเกตอาการ และการบวมบริเวณที่ฉีด SCIT อย่างน้อย 30 นาที
  3. ควรงดออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก หลังรับวัคซีนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  4. ดูแลรักษาสุขภาพทั่วไป พักผ่อนให้เพียงพอ ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการฉีดวัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้แล้ว ควรมีการใช้ยาควบคุมอาการกำจัด และหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้อย่างต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำ

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Cox L, Nelson H, Lockey R, et al. Allergen immunotherapy: A practice parameter third update. J Allergy Clin Immunol 2011; 127: S1 – 55.
  2. Greenhawt M et al. Sublingual immunotherapy A focused allergen immunotherapy practice parameter update. Ann Allergy Asthma Immunol 118 (2017) 276e282.
  3. Canonica W. and Durham S. Allergen Immunotherapy for allergic rhinitis and asthma: A Synopsis. WAO education and programs, updated: October 2016.
  4. Jacobsen L, Niggemann B, Dreborg S, et al (The PAT investigator group). Specific immunotherapy has long-term preventive effect of seasonal and perennial asthma: 10-year follow-up on the PAT study. Allergy. 2007; 62: 943 – 48.
  5. Valovirta, ErkkaVarga, Eva-Maria et al. Results from the 5-year SQ grass sublingual immunotherapy tablet asthma prevention (GAP) trial in children with grass pollen allergy. J Allergy Clin Immunol 2018; 141; 529 – 538. e13.
  6. Virchow JC, Backer V, Kuna P, Prieto L, Nolte H, Villesen HH, Ljorring C, et al. Efficacy of a house dust mite sublingual allergen immunotherapy tablet in adults with allergic asthma: A randomized clinical trial. Jama 2016; 315: 1715 – 25.
  7. Mosbech H, Deckelmann R, de Blay F, Pastorello EA, Trebas-Pietras E, Andres LP, Malcus I, et al. Standardized quality (SQ) house dust mite sublingual immunotherapy tablet (ALK) reduces inhaled corticosteroid use while maintaining asthma control: a randomized, double-blind, placebo-controlled trial. J Allergy Clin Immunol 2014; 134: 568 – 75. e7.
  8. Epstein TG, Liss GM, Murphy-Berendts K, et al. Risk factors for fatal and nonfatal reactions to subcutaneous immunotherapy: national surveillance study on allergen immunotherapy (2008-2013). Ann Allergy Asthma Immunol. 2016; 116(4): 354 – 359.
  9. Jiang Z et al. Comparison of adverse events between cluster and conventional immunotherapy for allergic rhinitis patients with or without asthma: A systematic review and meta-analysis. Am J Otolaryngol. 2019; 40(6): 102269.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก