CIMjournal
banner bacteria

แบคทีเรียกรัมลบดื้อยาที่สำคัญ


พญ. ศิริพร ผ่องจิตสิริน.ท.หญิง พญ. ศิริพร ผ่องจิตสิริ
หน่วยโรคติดเชื้อ กองกุมารเวชกรรม
โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช พอ.

 

สรุปเนื้อหาการประชุมใหญ่ประจำปี 2568 ครั้งที่ 29 สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย วันที่ 2 พฤษภาคม 2568

 

เชื้อดื้อยา (antimicrobial Resistance : AMR) เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียพัฒนาความสามารถในการต้านทานยาปฏิชีวนะ ส่งผลให้การรักษาไม่ได้ผล เพิ่มระยะเวลานอนโรงพยาบาลและเพิ่มอัตราการเสียชีวิต โดยเฉพาะทารกแรกเกิดและเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อดื้อยา AMR เป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขที่ทำให้การติดเชื้อรักษายากขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ นับเป็นปัญหาทั่วโลก

เชื้อกรัมลบดื้อยาที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ เชื้อกลุ่ม Enterobacteriaceae และ Acinetobacter baumannii ซึ่งกลไกการดื้อยาที่สำคัญของเชื้อกรัมลบ คือ การสร้างเอนไซม์ทำลายยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Extended-spectrum ß-lactamases (ESBLs) และ carbapenemases ที่ทำลายยาปฏิชีวนะกลุ่ม

ß-lactams นอกจากนี้เชื้อยังใช้กลไกการดื้อยาอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ ขับยาออกจากเซลล์ (Efflux pumps), Porin mutations และการสร้าง Biofilm บทความนี้จะขอกล่าวเฉพาะเชื้อดื้อยา ESBLs และ Carbapenem Resistant Enterobacteriaceae (CRE)

เชื้อแบคทีเรียกรัมลบโดยเฉพาะเชื้อกลุ่ม Enterobacteriaceae ที่พบบ่อยที่สุด คือ Escherichia coli และ Klebsiella pneumonia พบได้ถึงร้อยละ 80 – 90 โดยกลไกการดื้อยาหลักได้แก่ การสร้างเอนไซม์ ESBLs แต่เดิมมักพบในผู้ป่วยที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาล ปัจจุบันเชื้อ E-coli และ K.pneumoniae มีการดื้อยาต่อปฏิชีวนะเพิ่มขึ้นทั่วโลก ร้อยละ 2 – 601-3  โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เคยได้รับยาปฏิชีวนะกลุ่ม ß-lactams เช่น ยาก ceftriaxone, cefotaxime หรือ ceftazidime มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการติดเชื้อแบคทีเรียที่สร้างเอนไซม์ ESBLs

ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียกรัมลบ ที่สร้างเอนไซม์ ESBLs ในเด็ก 4 – 5 ได้แก่ ผู้ป่วยที่เคยได้รับยาปฏิชีวนะภายใน 90 วันก่อนการติดเชื้อ ผู้ป่วยที่เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ๆ ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยที่ได้รับการใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ (device-associated infection) ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อหรือมีประวัติ colonization ด้วยเชื้อดื้อยา และผู้ป่วยที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลที่มีความชุกสูงของเชื้อดื้อต่อยาปฏิชีวนะ

เชื้อแบคทีเรียที่สร้างเอนไซม์ ESBLs จะไว ต่อยา cefoxitin, carbapenems และ ß-lactamase inhibitors (clavulanate, tazobactam, และ sulbactam) มีความสามารถในการทำลายยากลุ่ม penicillins, cephalosporins รุ่นที่ 1, 2, 3 และ 4 และ aztreonam การทดสอบหาเชื้อแบคทีเรียที่สร้างเอนไซม์ ESBLs ทำได้โดยวิธี combination disk ดูความไวของเชื้อเทียบกัน โดยเปรียบเทียบขอบเขตการยับยั้งเชื้อ (inhibition zone) ของยาระหว่างการทดสอบด้วยยา cefotaxine หรือ ceftazidime ที่มี clavulanate และ ไม่มี clavulanate ถ้าความกว้างของ zone of inhibition เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 มิลลิเมตร แสดงว่าเชื้อสร้าง ESBLs นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบประเภท phenotypic อื่น ๆ เช่น double disk, broth dilution เป็นต้น

ผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับการรักษาด้วยยากลุ่ม cephalosporins รุ่นที่ 3 แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรสงสัยเชื้อแบคทีเรียดื้อยาที่สร้างเอนไซม์ ESBLs การเลือกยาปฏิชีวนะในการรักษาผู้ป่วย พิจารณาจากโรคประจำตัวของผู้ป่วย  ประวัติการได้ยาปฏิชีวนะ  ประวัติ colonization ของเชื้อ  ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเชื้อดื้อยา และผลการตรวจความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะของโรงพยาบาล ยากลุ่ม carbapenems เป็นยาปฏิชีวนะหลักในการรักษาการติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียกรัมลบที่สร้างเอนไซม์ ESBLs รวมทั้งพิจารณา combination therapy กรณีที่มีเชื้อแบคทีเรียกรัมลบอื่น ๆ ที่ดื้อต่อยากลุ่ม carbapenems เมื่อทราบผลเพาะเชื้อ ความไวและค่า MIC ของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ ควรเปลี่ยนยาให้ครอบคลุมเชื้อให้แคบลงตามความเหมาะสม (de-escalation)

เอนไซม์ carbapenemases มีฤทธิ์ทำลายยากลุ่ม carbapenems เอนไซม์ในกลุ่มนี้ไม่ถูกยับยั้งได้ด้วย ß-lactamase inhibitors เหมือนเอนไซม์ ESBLs แต่ถูกยับยั้งได้ด้วย ß-lactamase inhibitors ชนิดใหม่ ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ต่าง ๆ ได้เท่ากัน เอนไซม์ carbapenamases ที่พบบ่อยในเชื้อกลุ่ม Enterobacteriaceae ได้แก่ K.pneumonia carbapenemase (KPC), NDM และ OXA-48 ปัจจุบันพบเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Enterobacteriaceae ดื้อยาปฏิชีวนะกลุ่ม carbapenems ในอัตราสูงขึ้น ข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังดื้อยาแห่งประเทศไทย (National Antimicrobial Resistance Surveillance Center, NARST) รวบรวมข้อมูลจากโรงพยาบาลเครือข่าย 85 แห่ง ในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 25616 พบว่า เชื้อ K.pneumoniae และเชื้อ E-coli มีอัตราการดื้อยากลุ่ม carbapenems ร้อยละ 12 และ 2 ตามลำดับ

Carbapenem Resistant Enterobacteriaceae (CRE) พบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังพบว่าหลังจากมีการใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่ม colistin7 ในการรักษาเชื้อแบคทีเรียกรัมลบดื้อยาในโรงพยาบาลมากขึ้น เริ่มพบการติดเชื้อ colistin-resistant K.pneumonaie อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่าง จากเชื้อ A.baumannii และ P.aeruginosa ที่ถึงแม้จะมีอัตราการดื้อยากลุ่ม carbapenems สูงถึงร้อยละ 56 และร้อยละ 18 ตามลำดับ6 แต่อัตราการดื้อยา colistin ยังน้อยกว่าร้อยละ 58

แนวทางการรักษาการติดเชื้อดื้อยา CRE ใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่ม colistin, tigecycline หรือ ใช้ยาปฏิชีวนะหลายขนานร่วมกัน ในกรณีเชื้อดื้อยารุ่แรง เช่น ให้ยา colistin ร่วมกับ fosfomycin หรือ aminoglycoside เป็นต้น นอกจากนี้มียาปฏิชีวนะรุ่นใหม่ เช่น Cefiderocol. Ceftazidime/avibactam, Imipenem-relebactam, Meropenem/vaborbactam, Ceftolozane/tazobactam และการรักษาทางเลือก เช่น การใช้ phage therapy, monoclonal antibodies เป็นต้น

โดยสรุปปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นปัญหาใหญ่ทางสาธารณสุขทั่วโลก การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล การป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลและระบบการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยา รวมถึงการพัฒนายาปฏิชีวนะใหม่ ๆ เพื่อร่วมในการดูแลรักษา และการชะลอการเกิดเชื้อดื้อยา

ตารางที่ 1 แสดงฤทธิ์ของยาชนิดใหม่ ๆ ต่อเชื้อแบคทีเรียกรัมลบดื้อยาแบคทีเรียกรัมลบดื้อยาที่สำคัญAmpC = Ambler class C ß-lactamase, ESBLs = extended-spectrum ß-lactamases, KPC=Klebsiellan pneumonia carbapenemase, NDM= New Delhi metallo-ß-lactamase, OXA=oxacillinase

 

เอกสารอ้างอิง
  1. Salmani R, Ehsanpoor M, Khorvash F, Shokri D. Antimicrobial susceptibility pattern of extended-spectrum ß-lactamase-producing bacteria causing nosocomial urinary tract infections in an Iranian referral teaching hospital. J Res Pharm Pract 2014;3:6-11.
  2. Dejsirilert S, Apisarnthanarak A, Kijphati R, et al. The status of antimicrobial resistance in Thailand among gram-negative pathogens bloodstream infection: NARST data, 2000-2003. The 9th Western Pacific Congress on Chemotherapy and Infectious Diseases (9th WPCCID); 2004 Dec 1-5; Bangkok, Thailand, Program & Abstracts p. 185.
  3. Hoban DJ, Lascols C, Nicolle LE, et al. Antimicrobial susceptibility of Enterobacteriaceae, including molecular characterization of extended-spectrum beta-lactamase-producing species, in urinary tract isolates from hospitalized patients in North America and Europe: results from the SMART study 2009-2010. Diagn Microbiol Infect Dis 2012;74:62-7.
  4. Topaloglu R, Er I, Dogan BG, Bilginer Y, et al. Risk factors in community-acquired urinary tract infections caused by ESBL-producing bacteria in children. Pediatr Nephrol 2010;25:919-25.
  5. Poulou A, Grivakou E, Vrioni G, et al. Modified CLSI extended-spectrum beta-lactamase (ESBL) confirmatory test for phenotypic detection of ESBLs among Enterobacteriaceae producing various beta-lactamases. J Clin Microbiol 2014;52:1483-9.
  6. Clinical and Laboratory Standards Institute. Performance Standards for Antimicrobial Susceptibility Testing. 29th ed. CLSI supplement M100. Wayne PA: CLSI, 2019.
  7. Wilson BA, Salyers AA, Whitt DD, Winkler ME. How bacteria become resistant to antibiotics. In: Wilson BA, Salyers AA, Whitt DD, Winkler ME, eds. Bacterial Pathogenesis. 3rd ed. Washington DC: ASM Press, 2011:347-72.
  8. Wangchinda W, Pati N, Maknakon N, et al. Collateral damage of using colistin in hospitalized patients on emergence of colistin-resistant Escherichia coli and Klebsiella pneumoniae colonization and infection. Antimicrob Resist Infect Control 2018;7:84.

 

 

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก