เรื่องที่แพทย์สาขาหัวใจและหลอดเลือด ...ควรติดตาม

นพ. คมสิงห์ เมธาวีกุล
อายุรแพทย์โรคหัวใจ สถาบันโรคทรวงอก

ในปีนี้ประมาณปลายเดือนสิงหาคม จะมีการจัดงานประชุม European Society of Cardiology (ESC) congress 2022 ที่ Barcelona ประเทศสเปน หลังจากที่ปีที่แล้วต้องจัดแบบ online ไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยในช่วงที่มีการประชุม ESC congress มีสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป คือ จะมีการนำเสนอ guidelines ฉบับใหม่ในงานประชุม และมีการเผยแพร่ guidelines ฉบับใหม่ให้ download มาอ่านกัน ซึ่งในปีนี้มีออกมาทั้งหมด 4 เรื่อง ได้แก่

Ventricular arrhythmias and sudden cardiac death มีสิ่งที่ควรติดตามคือ คำแนะนำในการใส่ implantable cardioverter-defibrillator (ICD) ในผู้ป่วย nonischemic cardiomyopathy (NICM) ซึ่งมีการศึกษา DANISH trial ซึ่งตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine เมื่อปี ค.ศ.2016 ที่แสดงให้เห็นว่า prophylactic ICD ไม่ลด all-cause mortality ในผู้ป่วย NICM ที่ left ventricular ejection fraction (LVEF) ≤ 35% หลังจากนั้นก็ได้มีการติดตามผู้ป่วยในการศึกษานี้เฉลี่ย 9.5 ปีและตีพิมพ์ใน Circulation ในปีนี้โดยพบว่าการใส่ ICD ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ที่อายุ ≤ 70 ปี มีสัมพันธ์กับการลด all-cause mortality ได้ คงต้องติดตามดูว่าใน ESC guideline จะมีการปรับเปลี่ยนคำแนะนำในการใส่ ICD ในผู้ป่วยกลุ่มนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Circulation: Arrhythmia and Electrophysiology ในปีนี้เกี่ยวกับลักษณะของผู้ป่วยที่เป็น familial ST-depression syndrome ซึ่งเป็นกลุ่มอาการใหม่ที่ถ่ายทอดแบบ autosomal dominant inheritance คงต้องติดตามดูว่าจะมีการเพิ่มกลุ่มโรคนี้เข้าไปใน ESC guideline ด้วยหรือไม่
Cardiovascular assessment and management of patients undergoing non-cardiac surgery มีสิ่งที่ควรติดตามคือ การให้ tranexamic acid ในผู้ป่วยที่เข้ารับการทำ noncardiac surgery เนื่องจากมีการศึกษา POISE-3 ที่ตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine ในปีนี้ โดยศึกษาการให้ tranexamic acid 1 กรัมทางหลอดเลือดดำเปรียบเทียบกับยาหลอกในผู้ป่วยที่เข้ารับการทำ noncardiac surgery จากการศึกษาพบว่า tranexamic acid สามารถลด composite bleeding outcome (life-threatening bleeding, major bleeding, or bleeding into a critical organ) ลงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คงต้องติดตามดูว่าจะมีการเพิ่มคำแนะนำการให้ tranexamic acid ใน ESC guideline หรือไม่
Cardio-Oncology เป็นครั้งแรกที่ทาง ESC ออกคำแนะนำมาเป็น guideline สิ่งที่ต้องติดตามดูก็คือ คำแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน LV function ในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น myocardial ischemia, QT prolongation, atrial and ventricular arrhythmias, left ventricular systolic dysfunction, PHT เป็นต้น และข้อมูลของการให้ยาเพื่อป้องกันการเกิด cancer therapy-related cardiac dysfunction (CTRCD) ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
Pulmonary Hypertension (PHT) มีสิ่งที่ต้องติดตามดูคือ definition ของ PHT ใน ESC guideline จะมีการปรับเปลี่ยนจาก mean pulmonary artery pressure (mPAP) ≥ 25 เป็น ≥ 20 mmHg หรือไม่ เนื่องจากมีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับ pulmonary hemodynamics ในคนสุขภาพดีทั่วไปพบว่ามี normal mPAP ประมาณ 14 ± 3.3 mmHg และค่า upper limit of normal (> 97.5^th percentile) คือ 20 mmHg นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มี mPAP 21-24 mmHg เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด poor outcomes และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็น overt PHT (mPAP ≥ 25 mmHg) ได้บ่อยกว่าผู้ป่วยที่มี mPAP ไม่เกิน 20 mmHg หลังการติดตามไป 2-3 ปี ทำให้ 6^th World Symposium on Pulmonary Hypertension ที่เผยแพร่ในปี ค.ศ.2019 ได้แนะนำให้ใช้ mPAP ≥ 20 mmHg ในการวินิจฉัย PHT

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามงานวิจัยใหม่ที่ออกมาและมีการนำเสนอในงานประชุม ได้แก่ DELIVER trial ซึ่งเป็น multicenter randomized double-blind trial ที่ศึกษาการใช้ยา Dapagliflozin 10 มิลลิกรัมต่อวันเปรียบเทียบกับยาหลอกในผู้ป่วย chronic heart failure (HF) ที่มี LVEF > 40% ซึ่งเป็นกลุ่ม HF with mildly reduced (HFmrEF) และ HF with preserved EF (HFpEF) เช่นเดียวกับ EMPEROR-Preserved ของ Empagliflozin ที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยผลเบื้องต้นพบว่าสามารถลด cardiovascular death or worsening HF ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รายละเอียดเพิ่มเติมคงต้องติดตามการนำเสนอในงานประชุม ESC congress หรือรอตีพิมพ์ออกมาก่อนนะครับ