CIMjournal

เรื่องที่แพทย์สาขาหัวใจและหลอดเลือด …ควรติดตาม เดือน พ.ค. – ส.ค. 2567

.
นพ.คมสิงห์ เมธาวีกุล

นพ. คมสิงห์ เมธาวีกุล
อายุรแพทย์โรคหัวใจ สถาบันโรคทรวงอก

 

หลังจากผ่านงานประชุมของ American College of Cardiology 2024 (ACC.24) ที่เพิ่งจัดประชุมไปเมื่อวันที่ 6 – 8 เมษายน พ.ศ. 2567 ที่เมือง Atlanta รัฐ Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการนำเสนอผลงานวิจัยที่น่าสนใจใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจต่อไป ได้แก่

  1. การให้ยากลุ่ม sodium-glucose cotransporter 2 inhibitors (SGLT2i) ในผู้ป่วย acute myocardial infarction (AMI) โดยมีการศึกษา EMPACT-MI ซึ่งเป็นการศึกษาที่เป็น randomized, double-blind, placebo-controlled trial ที่ได้รับการนำเสนอในงานประชุม ACC.24 เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาและได้รับการตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine ในวันเดียวกัน โดยการศึกษานี้เป็นการศึกษาการใช้ empagliflozin 10 มิลลิกรัมต่อวันเปรียบเทียบกับ placebo ในผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลด้วย AMI ภายใน 14 วันร่วมกับมี newly developed left ventricular ejection fraction (LVEF) < 45% หรือมีอาการของ heart failure (HF) ระหว่างนอนโรงพยาบาล ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด HF hospitalization/all-cause death อย่างน้อย 1 ข้อคือ อายุ ≥ 65 ปี; newly developed LVEF < 35%; ประวัติ myocardial infarction, atrial fibrillation (AF), หรือ type 2 diabetes; estimated glomerular filtration rate (eGFR) < 60 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร; มีระดับ natriuretic peptide หรือ uric acid ที่เพิ่มขึ้น; มี pulmonary artery or right ventricular systolic pressure ที่เพิ่มขึ้น; three-vessel coronary artery disease; peripheral artery disease; หรือไม่ได้รับการทำ revascularization ในช่วงที่นอนโรงพยาบาลด้วย AMI การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า empagliflozin ไม่สามารถลด primary composite end point (HF hospitalization or all-cause death) ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ถึงแม้ว่าจะสามารถลด HF hospitalization ลงได้ก็ตาม สิ่งที่ควรจะต้องติดตามกันต่อไปคือ การศึกษาการใช้ยา SGLT2i ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานและมี AF ซึ่งมีอยู่ 2 การศึกษาได้แก่ DAPA-AF ซึ่งเป็นการศึกษาการใช้ dapagliflozin ในผู้ป่วยเบาหวานที่มี AF และ EMPA-AF ซึ่งเป็นการศึกษาการใช้ empagliflozin ในผู้ป่วยเบาหวานที่มี HF และ AF โดยที่ทั้งสองการศึกษาเป็นการศึกษาแบบ randomized, placebo-controlled trial คงต้องติดตามกันต่อไปว่าการให้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยเบาหวานที่มี AF จะสามารถลดการเกิด AF burden ได้หรือไม่
  2. การให้ beta-blocker ในผู้ป่วย AMI โดยมีการศึกษา REDUCE-AMI ซึ่งเป็นการศึกษา registry-based, prospective, open-label, randomized clinical trial ในประเทศสวีเดน เอสโตเนีย และนิวซีแลนด์ การศึกษานี้เป็นการศึกษาการใช้ beta-blocker (metoprolol หรือ bisoprolol) เปรียบเทียบกับการไม่ให้ beta-blocker ในผู้ป่วย AMI 1-7 วันที่มี LVEF ≥ 50% และได้รับการทำ coronary angiography แล้วพบว่ามี obstructive coronary artery disease (coronary stenosis ≥ 50% และมี fractional flow reserve ≤ 0.80 หรือ instantaneous wave-free ratio ≤ 0.89) โดยการศึกษานี้ได้รับการนำเสนอในงานประชุม ACC.24 เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาและได้รับการตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine ในวันเดียวกัน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า beta-blocker ไม่สามารถลดการเกิด primary end point (all-cause death or myocardial infarction) ลงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าทาง ACC ที่มีแผนที่จะออก acute coronary syndromes (ACS) guidelines มาในปีหน้าหรือทาง ESC ที่เพิ่งออก ACS guidelines มาเมื่อปีที่แล้ว จะมี focused update ออกมาเพิ่มเติมเพื่อปรับเปลี่ยนคำแนะนำในการให้ beta-blocker ในผู้ป่วย AMI หรือไม่


งานประชุมสาขาหัวใจและหลอดเลือดที่น่าสนใจ ปี 2567
.

HF2024

Heart Failure 2024 ที่ Lisbon ประเทศโปรตุเกส ระหว่างวันที่ 11 – 14 พฤษภาคม พ.ศ.2567

 

ESC-Congress-2024

ESC congress 2024 ที่ London ประเทศสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน พ.ศ. 2567

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก