รศ. พญ. นฤชา จิรกาลวสาน
สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
สรุปเนื้อหาการประชุมวิชาการประจำปี 2565 สมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย ในวันที่ 18 มีนาคม 2565
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea; OSA) คือภาวะที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจเป็นระยะ ๆ ในขณะนอนหลับ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีการตกลงของออกซิเจน และมีสมองตื่นตัวเป็นช่วง ๆ1 มีข้อมูลพบว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นสามารถเพิ่มโอกาสการเป็นโรคต่าง ๆ ตามมา โดยเฉพาะโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มอาการเมตาบอลิกซินโดรม จนถึงปัจจุบันการรักษาหลัก คือ การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกชนิดต่อเนื่อง (continuous positive airway pressure; CPAP) อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้มีการศึกษาวิจัยถึงแนวทางการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นโดยใช้วิธีรักษาเฉพาะเจาะจงตามสรีรวิทยาของการเกิดโรค2
ขณะนี้แนวทางในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น สามารถแบ่งได้เป็น
- การรักษามาตรฐาน ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการรักษาเพื่อที่จะแก้ไขในแง่ของการวิภาคเป็นหลัก เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการยุบตัวของทางเดินหายใจส่วนบน โดยการรักษาหลักสามารถแบ่งได้เป็น
- เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (positive airway pressure therapy; PAP) เป็นการรักษามาตรฐาน โดยทั่วไปแนะนำเป็นชนิดเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกชนิดต่อเนื่อง ซึ่งแนะนำเป็นการรักษาอันดับแรกตามคำแนะนำสำหรับการวินิจฉัยและดูแลรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในประเทศไทยสำหรับผู้ใหญ่ พ.ศ. 25613
- ทันตอุปกรณ์ (oral appliance) ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำเป็นทันตอุปกรณ์ชนิดยื่นขากรรไกรล่าง (mandibular advancement device; MAD)3
- การผ่าตัด โดยทั่วไปไม่ได้แนะนำเป็นการรักษาแรก ประกอบไปด้วยการผ่าตัดหลายวิธี เช่น วิธีการผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่เพดานอ่อนและคอหอย (uvulopalatopharyngoplasty; UPPP)4 การผ่าตัดทางเดินหายใจหลายระดับ (multilevel airway surgery; MLS)5 หรือ การผ่าตัดเลื่อนกระดูกขากรรไกรบนและล่างมาทางด้านหน้า (maxillomandibular advancement; MMA)6 เป็นต้น
- การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การนอนตะแคง (positional therapy) เป็นต้น3
- การรักษาตามสรีรวิทยาของการเกิดโรค (endotype) โดยการรักษาด้วยวิธีนี้จะเป็นการรักษาที่นอกเหนือจากการรักษากายวิภาคที่มีการอุดกั้น (anatomical obstruction) ซึ่งเป็นแนวทางการรักษาตามสรีรวิทยาที่สัมพันธ์กับการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น2 อันได้แก่
- ภาวะกล้ามเนื้อขยายคอหอยตอบสนองไม่ดี (poor muscle responsiveness) โดยการรักษาด้วยวิธีนี้ ประกอบไปด้วยการรักษาโดยใช้อุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาท hypoglossal (hypoglossal nerve stimulation) เพื่อขยายทางเดินหายใจส่วนต้น การออกกำลังกายกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบน (oropharyngeal exercises หรือ myofunctional therapy) รวมถึง มีข้อมูลของการใช้ยาซึ่งช่วยเพิ่มแรงตึงตัวกล้ามเนื้อ
- ภาวะสมองตื่นตัวง่ายกว่าปกติ (low arousal threshold) การที่สมองตื่นตัวง่ายอาจทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอที่คาร์บอนไดออกไซด์จะคั่งแล้วไปกระตุ้นให้เริ่มมีการหายใจ รวมทั้งขัดขวางการเข้าสู่ระยะการหลับลึก ซึ่งเป็นช่วงระยะการหลับที่มีการทำงานของกล้ามเนื้อขยายคอหอยสูง รวมทั้งการตื่นตัวบ่อยครั้งของสมอง ทำให้เกิดการหยุดหายใจจากระบบประสาทส่วนกลางหลังสมองตื่นตัว ซึ่งจะทำให้เกิดการลดลงของสัญญาณประสาทที่ไปกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อขยายทางเดินหายใจส่วนบน มีข้อมูลของการให้ยานอนหลับ eszopiclone ซึ่งไปเพิ่ม arousal threshold ได้ร้อยละ 30 และลดดัชนีการหยุดหายใจและหายใจแผ่ว (apnea hypopnea index; AHI) ได้ร้อยละ 437
- ภาวะการตอบสนองของระบบควบคุมการหายใจมากผิดปกติ (high loop gain) กลไกนี้เกิดจากการที่ผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดมากเกินไป ทำให้หายใจแรงจนทางเดินหายใจอาจยุบตัว มีภาวะพร่องของคาร์บอนไดออกไซด์ตามมาด้วย ทำให้ไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะไปกระตุ้นการหายใจ การรักษาประกอบไปด้วยการให้ออกซิเจนและการให้ยา zonisamide เป็นต้น8
.
โดยสรุปหลักการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นดังรูปที่ 1รูปที่ 1 พยาธิสรีรวิทยาของการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (ดัดแปลงจากเอกสารอ้างอิง 2)2 Poor muscle responsiveness=ภาวะกล้ามเนื้อขยายคอหอยตอบสนองไม่ดี
Low arousal threshold=ภาวะสมองตื่นตัวง่ายกว่าปกติ
High loop gain=การตอบสนองของระบบควบคุมการหายใจมากผิดปกติ
เอกสารอ้างอิง
- International Classification of Sleep Disorders (ICSD)-3 2014
- Carberry JC, Amatoury J, Eckert DJ. Personalized Management Approach for OSA. Chest. 2018;153(3):744-55.
- พิมล รัตนาอัมพวัลย์, นฤชา จิรกาลวสาน , อรุณวรรณ พฤทธิพันธุ์ , นันทา มาระเนตร์. คำแนะนำสำหรับการวินิจฉัยและดูแลรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในประเทศไทยสำหรับผู้ใหญ่ พ.ศ.2561. กรุงเทพ: สมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย; 2561.
- Fujita S, Conway W, Zorick F, Roth T. Surgical correction of anatomic azbnormalities in obstructive sleep apnea syndrome: uvulopalatopharyngoplasty. Otolaryngol Head Neck Surg. 1981;89(6):923-34.
- Friedman M, Ibrahim H, Lee G, Joseph NJ. Combined uvulopalatopharyngoplasty and radiofrequency tongue base reduction for treatment of obstructive sleep apnea/hypopnea syndrome. Otolaryngol Head Neck Surg. 2003;129(6):611-21.
- George LT, Barber DH, Smith BM. Maxillomandibular Advancement Surgery: An Alternative Treatment Option of Obstructive Sleep Apnea. In: Madani M, editor. Atlas of the Oral & Maxillofacial Surgery Clinic of North America, Vol 15, No 2, Philadelphia: W.B. Saunders; 2007. p 163-75.
- Eckert DJ, et al. Eszopiclone increases the respiratory arousal threshold and lowers the apnoea/hypopnoea index in obstructive sleep apnoea patients with a low arousal threshold. Clin Sci (Lond). 2011;120(12):505-14.
- Eskandari D, Zou D, Karimi M, Stenlöf K, Grote L, Hedner J. Zonisamide reduces obstructive sleep apnoea: a randomised placebo-controlled study. Eur Respir J. 2014:140-9.