CIMjournal
Banner CIM ENT 1

อาจารย์ นพ. ภาวิน เกษกุล สาขาหู คอ จมูก


“องค์กรที่สำเร็จได้ มันเกิดจากการร่วมกันทำงานของทุกคน ผมหรือ
ผู้บริหารทำคนเดียวไม่ได้ ถ้าผมมีโอกาสผมจะพยายามดูแลเขาให้ดี

รศ. นพ. ภาวิน เกษกุล
ประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย

 

แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนแพทย์ โดยเฉพาะสาขาหู คอ จมูก

ผมจบโรงรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอนสอบเลือกไว้หลายคณะ  เพราะตอนนั้นก็อยากเป็นหลายอย่าง มันยังไม่นิ่ง เช่น ครู นักบิน นักสิ่งแวดล้อม แต่สอบได้ที่คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ก็เลยได้เรียน แต่ระหว่างเรียนก็ยังไม่แน่ใจว่าเราจะทำอาชีพแพทย์หรือเปล่า ก็มีไปเรียนอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย ขนาดจบแพทย์แล้ว ยังไปสอบเรียนเป็นนักบินเลย แต่สอบไม่ได้ หรือช่วงเรียนเฉพาะทาง ก็ไปลงเรียนด้านสิ่งแวดล้อม ที่ ม.รามคำแหง จนจบ สำหรับช่วงเรียนแพทย์ ปี 1 – 3 ไม่สนุก พอปี 4 – 6 ได้ดูแลคนไข้ด้วย ก็เริ่มรู้สึกดี มีความสุขมากขึ้น พอจบในช่วงใช้ทุนทำให้มีความสุขมากขึ้นไปอีก สมัยนั้นคนไข้มาแบบไหน แพทย์ต้องทำให้ได้เกือบหมด เราก็เห็นบทบาทแพทย์ พยาบาลในการดูแลคนไข้ทั้งในและนอกระบบมากขึ้น

สำหรับเหตุผลที่เลือกเรียนสาขาหู คอ จมูก ที่ศิริราชนั้น ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว ชอบสาขาที่มีทั้งผ่าตัดและไม่ผ่าตัด คือต้องอาศัยทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป ก็มีสาขาหู คอ จมูก ที่บางโรคเน้นใช้ยา เช่น ภูมิแพ้ เวียนศีรษะ บางโรคก็ต้องใช้หัตถการ เช่น ผ่าตัดทอนซิล ไทรอยด์ โพรงจมูก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันสาขาหู คอ จมูก ก็มีสาขาย่อยอีก เช่น ศัลยกรรมศีรษะและคอ โสตประสาท โสตสัมผัส และอรรถบำบัดวิทยา นาสิกวิทยาและภูมิแพ้ ศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า เวชศาสตร์การนอนหลับ และโรคทางกล่องเสียงและการกลืน หลังจากจบท่านอาจารย์ พญ. สุจิตรา ประสานสุข ท่านอาจารย์ นพ. โชคชัย เมธีไตรรัตน์ ก็ชวนให้ผมมาเป็นอาจารย์ที่ศิริราช และก็ไปเรียนต่อยอดเพิ่มเติมที่ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร


สิ่งที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

เรื่องแรกภูมิใจที่ได้เป็นครู ตอนเด็กผมอยากเป็นครู เพราะครูที่โรงเรียนสาธิตฯ สอนดี เป็นแรงบันดาลใจให้ผม เลือกสอบครุศาสตร์ด้วย ปัจจุบันผมได้เป็นครูจริง ๆ แม้จะไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะได้เป็นครูแพทย์ ทุกวันนี้นักศึกษาแพทย์มาผ่านสาขาเราแค่ 2 – 4 สัปดาห์ เป็นช่วงสั้น ๆ ที่เจอกัน แล้วเขากลับมาบอกเราว่า เขาเลือกสาขานี้เพราะอาจารย์เป็นแรงบันดาลใจ มันเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมาก และเมื่อเขาเทรนจบกลับไปดูแลผู้ป่วยหูคอจมูกในท้องถิ่นจำนวนมาก ยิ่งน่าภูมิใจเพิ่มขึ้นไปอีก  

เรื่องที่สอง ตั้งแต่เด็กการเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้างาน ไม่ได้อยู่ในความคิดเรา แต่ที่ผ่านมามีโอกาสได้ทำหน้าที่หัวหน้าภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา ที่ศิริราช 8 ปี และได้ทำหน้าที่ประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกด้วย ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภูมิใจอยู่ลึก ๆ

เรื่องที่สาม การได้อยู่ในทีมร่วมถวายการรักษาในหลวงรัชกาลที่ 9 ในสาขาที่เรารับผิดชอบ ก็ต้องบอกว่าเป็นความภูมิใจ ที่ครั้งหนึ่งเราได้มีโอกาสทำหน้าที่นี้

 

“ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เป็น
อาจารย์แพทย์ แต่เมื่อมีโอกาสแล้ว
ผมตั้งใจทำเต็มที่
อย่างนักศึกษาแพทย์ ปี 5
นอกจากผมจะสอนให้เขา
เข้าใจในเนื้อหาแล้ว
ผมก็สอนเขาเรื่องการใช้ชีวิต
แพทย์ในด้านต่าง ๆ ด้วย”


ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ

ถ้าให้เลือกตอบเฉพาะปัจจัยที่อยู่ในตัวเอง เอาเฉพาะที่คิดได้ เพราะจริง ๆ แล้ว ต้องให้คนอื่นที่เขาทำงาน พบปะกับเราเป็นคนตอบจะชัดกว่า และก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องที่ตอบจะใช่จริง ๆ ไหม โดยพื้นฐานผมเป็นคน low profile มีที่ชัดเจนอยู่อีก 2 – 3 เรื่อง

ปัจจัยแรก การเป็นคนกตัญญู ผมให้ความสำคัญกับคนที่มีบุญคุณกับเรา เช่น ครูผู้สอน สถาบันหน่วยงานที่เราทำงาน องค์กรวิชาชีพที่เราสังกัด เมื่อมีโอกาสตอบแทน ก็จะรีบทำและทำให้ดีที่สุด หลักคิดของผมคือว่า ทุกอย่างที่เราทำ ในทุก ๆ หน่วยงาน ส่วนมากจะมีคนทำมาก่อนหน้าอยู่แล้ว ความสำเร็จในปัจจุบันเกิดจากการที่ผมต่อยอดงานเหล่านั้นมา ผมจะไม่ลืมสิ่งที่อาจารย์แพทย์ก่อนหน้าผมได้ทำไว้ ในทางปฏิบัติอย่างผมเห็นอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านเกษียณ  มานั่งรอยา ผมก็เข้าไปพูดคุย อะไรที่ผมทำได้จะรีบช่วยอาจารย์ หนังสือเกษียณผมก็ทำ มีอะไรที่ผมอ้างอิงผลงานท่านได้ก็จะทำ เสนอชื่อเพื่อให้ท่านรับรางวัลประมาณนี้ ผมอาจจะบอกได้แค่บางส่วน แต่ผมอยากทำเพราะเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านทำไว้ให้เราก่อนหน้า

ปัจจัยที่สอง ผมมองว่าทุกคนในองค์กรมีความสำคัญเท่ากันหมด ผมมองในด้านดี ๆ ของทีมงานในทุกระดับ คล้าย ๆ กับข้อแรกตรงที่ว่างานขององค์กรที่สำเร็จได้ มันเกิดมาจากการร่วมกันทำงานของทุกคน ผมหรือผู้บริหารทำคนเดียวไม่ได้ ถ้าผมมีโอกาสผมจะพยายามดูแลเขาให้ดี ทั้งพยาบาล ผู้ช่วย เจ้าหน้าที่ ถ้าเขาเดือดร้อนผมพอจะทำอะไรได้ก็จะทำให้ แนะนำเรื่องต่าง ๆ ที่เรียนให้ลูก สิทธิที่เขาพึงได้ เป็นต้น

ปัจจัยที่สาม มีโอกาสได้ทำอะไรแล้ว จะพยายามทำให้ดีที่สุด ข้อนี้รวมทั้งงานที่ผมรับผิดชอบและงานที่ผมทำให้คนอื่น ๆ ด้วย อย่างสอนหนังสือ ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เป็นอาจารย์แพทย์ แต่เมื่อมีโอกาสแล้ว ผมตั้งใจสอนเต็มที่ อย่างนักศึกษาแพทย์ ปี 5 นอกจากผมจะสอนให้เขาเข้าใจในเนื้อหาวิชาแล้ว ผมก็สอนเขาเรื่องการใช้ชีวิตแพทย์ การใช้ทุน การเรียนเฉพาะทางต่าง ๆ อย่างแพทย์ประจำบ้านสาขาหู คอ จมูก ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเขาต้องออกไปเป็นหมอหู คอ จมูกดูแลประชาชน นอกจากที่ผมต้องพยายามฝึกเขาให้เก่งในเรื่องเฉพาะสาขาแล้ว ผมก็ต้องสอนให้เขาเก่งในการใช้ชีวิตแพทย์ข้างนอก มีความมุ่งมั่น อดทน อื่น ๆโดยเราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างให้เขาด้วย หรืออย่างการดูแลรักษาผู้ป่วย ผมก็พยายามรักษาให้ดีที่สุด ทั้งก่อนและหลังการรักษา เราก็ต้องพูดคุยให้เหตุผลต่าง ๆให้เขารู้สึกว่าความกังวลใจต่าง ๆ ของเขาได้รับการแก้ไข คือเรียกว่ารักษาผู้ป่วยให้หายทั้งกายและใจ

 

————————————–

“มีคนบอกว่าผมเป็นคน
compromise ในบางครั้ง
ถ้ามันมากเกินไป ก็จะทำให้
ด้านลบของบางคน
ไม่ได้โดนแก้ไข”

————————————–


กว่าจะถึงวันที่ประสบความสำเร็จ เจออุปสรรคอะไรบ้าง แล้วเอาชนะอย่างไร

ผมยอมรับว่าก็มีจุดที่ต้องปรับแก้เหมือนกัน มีคนบอกว่าผมเป็นคน compromise หรือประนีประนอมเกินไป การมองด้านดีของทุกคน ในบางครั้งถ้ามันมากเกินไป ก็จะทำให้ด้านลบของเขาไม่ได้โดนปรับแก้ไข และอาจทำให้งานของทีม งานของส่วนรวมเสียหายได้ คือถ้ามันชัดเจน เช่น การทุจริตคดโกง อันนี้ไม่ต้องรอนาน แต่บางเรื่องอย่างเช่น ความผิดพลาดเฉพาะบุคคล ผมก็จะมีการตักเตือน พยายามหาเหตุผลว่าเดี๋ยวเขาจะดีขึ้น มันมีสาเหตุของความผิดพลาด แต่บางคนก็ไม่ดีขึ้นก็มีคนบอกว่า ผมควรจะเด็ดขาดกว่านี้

อีกเรื่องมีคนบอกผมว่า ผม low profile หรือ introvert เกินไป คือหัวหน้าองค์กรหรือหน่วยงาน ควรประชาสัมพันธ์ตนเองให้มากกว่านี้ ก็เป็นข้อที่ผมควรปรับปรุงเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นการพรีเซ้นต์เพื่อองค์กร หน่วยงานก็ต้องทำนะ แต่ถ้าเป็นงานหรือความสำเร็จส่วนตัว ผมจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญอย่างมีแพทย์ที่จบจากเราไปมีชื่อเสียง แล้วเขียนว่าเลือกเรียนสาขาหู คอ จมูก เพราะมีเราเป็นแรงบันดาลใจ ผมก็รู้สึกภูมิใจ แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์อะไร เพราะอาจารย์คนอื่น ๆ สาขาอื่น ๆ เขาก็มี หรืออย่างที่ภาควิชาขาดเหลือต้องใช้อะไร หลายเรื่องของบฯ ไม่ได้หรือไม่ทัน ผมก็อาศัยเครือข่ายที่ผมรู้จัก ที่เขาสนใจบริจาคทุนทรัพย์ให้เรา ทำห้องประชุม ห้องความดันลบช่วง COVID-19 เราก็ทำแบบเงียบ ๆ นะ สรุปก็คือในอนาคตบางเรื่องอาจต้องประชาสัมพันธ์ความสำเร็จส่วนตัว สิ่งที่ทำมามากขึ้น

 

“ตอนนี้ทำตำแหน่ง
ศาสตราจารย์อยู่ อาจดูช้าไป
เพราะเราเป็นหัวหน้าภาคฯ
เป็นประธานราชวิทยาลัยฯ
ต้องทำเรื่องวิชาการ
เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับ
แพทย์รุ่นต่อ ๆ ไป”


ถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้บางเรื่อง อยากกลับไปทำเรื่องใดมากที่สุด

จริง ๆ เลยคือ ไม่มี ผมคิดว่าผมมาไกลกว่าที่คิดไว้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องงานบริหารซึ่งไม่ได้คิดมาก่อน ตอนนี้ก็ทำตำแหน่งศาสตราจารย์อยู่ อาจดูช้าไป ถ้าทำได้เร็วกว่านี้ก็จะดีขึ้น ที่ผ่านมาเราเป็นแพทย์ผ่าตัด เป็น surgeon แต่ละวันก็เหนื่อยอยู่แล้ว ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไข้เป็นหลัก งานวิจัยเป็นเรื่องรอง แต่พอเป็นหัวหน้าภาคฯ โดยเฉพาะประธานราชวิทยาลัยฯ ก็ต้องรีบทำแล้ว เพราะเราเป็นหัวหน้า ต้องทำเรื่องวิชาการเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับแพทย์รุ่นต่อ ๆ มา ไม่งั้นเราจะไปบอกให้เขาทำงานวิจัยหรือขอตำแหน่งทางวิชาการได้อย่างไร ก็มีการเขียนหนังสือโรคหู คอ จมูก ด้วย ซึ่งไม่ได้เขียนมานาน

สำหรับการขอตำแหน่งทางวิชาการ อยากบอกอาจารย์แพทย์รุ่นน้องว่า ให้ทยอยทำไปเรื่อย ๆ เลย เพราะพอทำงานไปนาน ๆ ความรับผิดชอบมากขึ้น อายุมากขึ้น มันจะยากและเหนื่อยมากขึ้น และอีกอย่างผมว่าตอนนี้ระเบียบกฎเกณฑ์ในการทำมันเพิ่มขึ้น ผมต้องแก้ไขงานเขียนเยอะมาก โชคดีที่เราเป็นคนไม่รีบร้อน ก็ทำอยู่


ใครคือบุคคลที่เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน

คุณแม่ครับ คุณแม่เลี้ยงลูกมา 3 คน ก็ประสบความสำเร็จตามแนวทางของแต่ละคน แม่ผมเป็นตัวอย่างในการชอบคิดถึงคนอื่น ๆ เสมอเวลาทำอะไร คิดถึงผม คิดถึงลูกคนนั้นคนนี้ คิดก่อนที่คนอื่นจะคิดด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่ได้ขนาดว่าปล่อยให้คนอื่นมาเอาเปรียบนะ ไม่ถึงขนาดนั้น ผมโตมากับคุณแม่ ก็ได้นิสัยจากคุณแม่มาด้วย อย่างความคิดที่ว่าการไม่มีศัตรู ไม่สร้างศัตรูเป็นสิ่งที่ดี เพราะมีศัตรูแล้ว ชีวิตอาจไม่มีความสุข หรือเรื่องการเป็นคนประนีประนอม ก็น่าจะได้มาจากคุณแม่ด้วย

ต่อมาก็เป็นครูที่โรงเรียนสาธิตฯ หลายท่านทำให้ผมอยากเป็นครู และเลือกสอบครุศาสตร์ด้วย แต่ติดแพทย์ก่อน และก็มาถึงอาจารย์ที่ภาควิชาหู คอ จมูก ท่านแรกคือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. สุจิตรา ประสานสุข  ท่านเป็น
ผู้หญิง แต่มีความเป็นผู้นำสูง หลาย ๆ เรื่องถ้าได้อย่างอาจารย์ผมก็ว่าดี เพราะทำให้งานหลาย ๆ เรื่องขององค์กรสำเร็จหรือเดินหน้าได้ อีกท่านคือ ท่านศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ. โชคชัย เมธีไตรรัตน์ ท่านเป็นอาจารย์ต้นแบบทางด้านการผ่าตัดให้ผม หลาย ๆ เทคนิคทางด้านการผ่าตัดที่ผมเรียนรู้จากอาจารย์ ผมก็ยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้

 

สุดท้ายผมยึดหลาย ๆ
แนวทางจากในหลวงรัชกาลที่ 9
ท่านมีวัตรปฏิบัติที่ดี ซื่อสัตย์
สุจริต อดทน ขยันหมั่นเพียร
มีความอ่อนน้อมถ่อมถ่อมตน
ผมก็ยึดถือเรื่องเหล่านี้
ในการดำเนินชีวิตมาตลอด


คติหรือหลักการที่ยึดถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิต

ผมเน้นเรื่องการทำงาน โดยนอกเหนือจากเรื่องปัจจัยต่าง ๆ ในการทำงานแล้ว ผมยึดหลักที่จะทำให้คนที่ผมรู้จัก โดยเฉพาะทีมที่ทำงานร่วมกันกับผมมีความสุข ผมคิดว่าถ้าเขามีความสุข เขาก็จะทำงานตามภาระงานได้อย่างเต็มที่ ความสำเร็จขององค์กรก็จะเกิดขึ้น ผมยึดเรื่องพื้นฐานแบบนี้


มองการแพทย์ของเมืองไทยว่าอย่างไร ทิศทางในอนาคตเป็นอย่างไร

หลายเรื่องดีขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงก็จะเป็นเรื่องของการที่แพทย์ออกนอกระบบ และการกระจายตัวของแพทย์เฉพาะทางที่ไม่สมดุล และการฟ้องร้องแพทย์ เริ่มจากแพทย์ออกนอกระบบก่อน เรื่องนี้มาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากภาระงานในระบบที่หนักเกิน ความต้องการของแพทย์รุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป โรงพยาบาลเอกชนเปิดใหม่ ต้องการแพทย์มากขึ้น แพทย์มีสาขาใหม่ ๆ ให้เลือกเรียนและไปทำงานนอกระบบมากขึ้น ข้อนี้ส่งผลให้ปัจจุบันบางสาขามีแพทย์สมัครเรียนน้อยลง ส่วนใหญ่จะเป็นสาขาที่งานหนัก ต้องดูแลผู้ป่วย เวลาว่างน้อย ขณะที่บางสาขามีแพทย์สมัครเรียนมากขึ้น และบางสาขาก็ได้มีการเรียกร้องให้มีการเปิดสอน ภาคเอกชนเองก็มีการจัดคอร์สเปิดสอนระยะสั้นเพื่อให้แพทย์ได้ทำงานในสาขาที่เป็นที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น งานด้านความสวยงาม ชะลอวัย เป็นต้น ก็เข้าใจว่าแพทย์ทุกคนมีภาระ มีคนที่ต้องดูแล การเลือกเรียน เลือกทำงานในสาขาที่หางานง่าย รายได้ดี เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่ในแง่ของระบบแล้ว ตนเองคิดว่าจำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนักมากขึ้น

ส่วนเรื่องของการกระจายตัวของแพทย์ไม่สมดุล ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมืองมากกว่าออกไปอยู่ตามชนบท ผมคิดว่าบางทีแล้ว จำนวนแพทย์อาจจะมีเพียงพอ แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวกันอยู่ในกรุงเทพฯ และตัวเมืองใหญ่ ดังนั้นการแก้ปัญหาการกระจายตัวสำคัญกว่าการผลิตแพทย์ ตรงนี้ก็ต้องแก้ที่ระบบเหมือนกัน เพราะบางสาขานั้นการออกไปชนบท ต่อให้แพทย์เสียสละออกไป แต่ก็อาจจะทำงานไม่ได้ เพราะไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือที่เพียงพอในการทำงาน อย่างของสาขาหู คอ จมูก ถ้าส่งออกไปชนบท ก็มีส่งเราไปที่ รพ.สต. ก็ทำงานกันไม่ได้ ไม่มีเครื่องมือให้เราทำงาน  ก็ไปตรวจโรคทั่วไป เรื่องนี้อนาคตต้องปรับแก้ให้สอดคล้องกัน

สุดท้ายการฟ้องร้องแพทย์มีมากขึ้น ถ้าปล่อยไว้ไม่แก้ไข อาจถึงวันที่คนรุ่นใหม่ ๆ เรียนแพทย์น้อยลง คือถ้าหมอผิดจริง ก็ต้องรับผิดชอบกันไป แต่หลาย ๆ เรื่องมันไม่ใช่ แต่หมอที่โดนฟ้องก็ต้องเสียเวลา เสียโอกาสในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเร็ว ๆ นี้สาขาก็จะมีเคสผ่าตัดต่อมทอนซิล ปรากฏว่าภายหลังรับรสไม่ได้ ก็กำลังติดตามอยู่ หรือมีเรื่องที่แพทย์เมื่ออกไปทำงานในต่างจังหวัด ถูก ป.ป.ช. ฟ้องเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ที่แพทย์เองก็ไม่มีเจตนาทุจริตใด ๆ ทำให้แพทย์เสียขวัญ กำลังใจ ทำดี แต่ถูกลงโทษ ไม่มีแพทย์อยากไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในโรงพยาบาลเลย

 

“อยากปรับปรุง รพ.ทั่วไป
หรือ รพ.ประจำจังหวัด
และ รพ.ศูนย์ในภูมิภาค
ให้มีศักยภาพในการรองรับ
การทำงานของแพทย์
เฉพาะทางสาขาต่าง  ๆ
ให้ได้มากกว่านี้”


ถ้าให้เลือกปรับปรุง 2 ข้อ เพื่อที่จะทำให้การแพทย์ไทยดีขึ้น อยากปรับปรุงเรื่องใด

เรื่องแรก อยากปรับปรุง รพ.ทั่วไป หรือ รพ.ประจำจังหวัด และ รพ.ศูนย์ในภูมิภาคให้มีศักยภาพในการรองรับการทำงานของแพทย์เฉพาะทางสาขาต่าง ๆ ให้ได้มากกว่านี้ ทุกวันนี้โดยเฉพาะหู คอ จมูก หลายเคสคนไข้ต้องถูกส่งมา รพ.ประจำจังหวัด รพ.ศูนย์ จนมาถึงโรงเรียนแพทย์ ซึ่งไม่ใช่ผู้ป่วยที่เป็นโรคซับซ้อน ผมคิดว่าควรจะเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ ผู้ป่วยหู คอ จมูกทั่วไปจะได้ไม่ต้องมารักษาที่โรงเรียนแพทย์ ปริมาณคนไข้รอคิวที่โรงเรียนแพทย์ก็จะลดน้อยลง เรื่องนี้รวมถึงแพทย์สาขาอื่น ๆ ด้วย

อีกด้านในบางพื้นที่ก็มีการส่งแพทย์หู คอ จมูก ไปทำงานที่ รพ.สต. อย่างที่บอกไม่มีประโยชน์ เพราะต้องไปรักษาโรคทั่วไป และต่อให้เจอโรคหู คอ จมูก ก็รักษาไม่ได้ ไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์เพียงพอในการทำงาน กรณีนี้อายุรแพทย์อยู่ได้ เพราะรักษาด้วยยาและก็รักษาได้เกือบทุกโรค แต่ถ้าเป็นแพทย์หู คอ จมูกที่ไม่ได้เรียนอายุรแพทย์ และเรียนผ่าตัดมาด้วย การไปอยู่ รพ.สต. จะทำงานไม่ได้เลย อย่างมีน้องแพทย์สาขาเราบางคนถูกส่งไปอยู่ไกล ๆ ไปหนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน ขึ้นเขาไปเป็นพัน ๆ โค้ง ไปอยู่โรงพยาบาลที่ไม่มีเครื่องมือให้เขาทำงาน สุดท้ายก็ต้องออกจากระบบไป ซึ่งเราก็เสียดายมากเลย

เรื่องที่สอง อยากปรับนโยบายหลาย ๆ เรื่อง ให้สอดคล้องกับความพร้อมของผู้ที่ต้องปฏิบัติตามทั้งที่เป็นแพทย์และไม่ใช่แพทย์ เช่น พยาบาล ด้วย ที่ผ่านมามีนโยบายหลาย ๆ เรื่องที่ทำได้ แต่ก็มีบางนโยบายที่ปฏิบัติได้ยากมาก อย่างหู คอ จมูก ถ้าจะมีนโยบายให้สกรีนการได้ยินในเด็กแรกเกิด ก็ต้องมีเครื่องมือ มีแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลนั้น ๆ หรืออย่างการสกรีนการนอนหลับ เพื่อป้องกันการหลับในจนเกิดอุบัติเหตุบนถนน ก็ต้องมีงบมีเครื่องมือให้ผู้ปฏิบัติ ถ้าไม่มีความพร้อมก็เป็นแค่นโยบายทำประชาสัมพันธ์ได้ แต่ทำจริงไม่ได้

ผมเข้าใจว่าบ้านเรามีข้อจำกัดโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ซึ่งก็มีอีกหลายเรื่องที่อยากปรับปรุง แต่เอา 2 เรื่องในฐานะแพทย์ที่ต้องเจอกับปัญหาในการทำงานก่อน


ข้อแนะนำให้แพทย์รุ่นใหม่ว่าจะสำเร็จต้องทำอย่างไร

เรื่องแรก แพทย์รุ่นใหม่ ๆ ควรคิดถึงคนไข้เป็นอันดับแรก ว่าจะทำอย่างไรให้เขาดีขึ้น ให้เขาหายเป็นปกติ ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องรายได้หรือผลตอบแทน เพราะจะทำให้แพทย์รุ่นใหม่ ๆ มีความสุขกับการรักษาดูแลคนไข้ สะสมประสบการณ์เป็นพื้นฐานพัฒนาตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น อย่างการใช้ทุนต่างจังหวัดเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะเป็นโอกาสสะสมประสบการณ์ทำงาน ได้เจอคนไข้ เจอสภาพแวดล้อมและวิธีการทำงานที่หลากหลาย ไม่เหมือนกับที่เจอในโรงเรียนแพทย์ ทำให้เห็นการใช้ชีวิตของแพทย์ที่ครบถ้วนมากขึ้น จริงอยู่หลาย ๆ คนมีภาระ ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถและอื่น ๆ แต่อยากให้ช่วงแรก ๆ ของชีวิตแพทย์ที่ประสบการณ์ยังน้อย ให้เน้นเรื่องดูแลคนไข้เป็นหลัก เรื่องรายได้หรือเรื่องอื่น ๆ ให้เป็นเรื่องรอง ถ้าจัดได้สมดุล ก็จะเป็นแพทย์ที่มีคุณภาพได้ตลอดชีวิตการทำงาน 

เรื่องที่สอง แพทย์รุ่นใหม่ ๆ ควรฝึกในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะงานแพทย์เกือบทุกสาขาต้องอาศัยทีมสนับสนุน ทั้งแพทย์สาขาอื่น ๆ และทีมสหวิชาชีพ บางครั้งเราอาจนึกว่าเราเก่ง เรียนสูง เรียนมาก ไม่จำเป็นต้องสื่อสารหรือฟังใคร ซึ่งไม่ถูกต้อง งานแพทย์เป็นงานให้บริการ และต้องอาศัยทีมงานสนับสนุนช่วย จึงจะประสบความสำเร็จได้ ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นให้ได้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

 

 

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก