พ.ต.นพ. ธีรศักดิ์ ตั้งวงษ์เลิศ
แผนกโรคไต กองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
.
สรุปเนื้อหางานประชุม Nephrology Review for Internists จัดโดย สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย วันที่ 24 กันยายน 2560
บทนำ
ร่างกายมีโปแตสเซียมประมาณ 3,500 mEq โดยร้อยละ 98 อยู่ในเซลล์ (ความเข้มข้น 140-150 mEq/l) และร้อยละ 2 อยู่นอกเซลล์ (ความเข้มข้น 3.5-5 mEq/l) ความแตกต่างของระดับโปแตสเซียมในและนอกเซลล์ เกิดจากการทำงานของ Na+-K+-ATPase pump ซึ่งอยู่ที่ผนังเซลล์
คนปกติรับประทานโปแตสเซียมวันละประมาณ 50-100 mEq ขับออกจากร่างกายทางไต 90-95 mEq/วัน ทางอุจจาระ 5-10 mEq/วัน และทางเหงื่อ 0-10 mEq/วัน โปแตสเซียมในร่างกายจึงอยู่ในภาวะสมดุล
ภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia)
ภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำ หมายถึง ระดับโปแตสเซียมในเลือดน้อยกว่า 3.5 mEq/l ซึ่งมีสาเหตุดังนี้
- Spurious hypokalemia คือ ภาวะที่โปแตสเซียมเคลื่อนเข้าในเซลล์หลังจากเจาะเลือด วิธีแก้ไขคือ เจาะเลือดแล้วเก็บที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส หรือรีบปั่นแยกพลาสม่าก่อนส่งห้องปฏิบัติการ
- การรับประทานอาหารที่มีปริมาณโปแตสเซียมต่ำเป็นเวลานาน เนื่องจากโปแตสเซียมขับออกทางไตต่ำสุดวันละประมาณ 15 mEq/วัน1
- โปแตสเซียมในเลือดเคลื่อนเข้าสู่เซลล์
- Na+-K+-ATPase pump ทำงานเพิ่มขึ้น เช่น การใช้ Beta-2 adrenergic agonist เป็นต้น
- ภาวะ respiratory alkalosis และ metabolic alkalosis เป็นผลให้โปแตสเซียมในเลือดลดลง 0.4 mEq/l ต่อทุกๆ pH ที่เพิ่มขึ้น 0.12
- ร่างกายสร้างเซลล์เป็นจำนวนมาก โปแตสเซียมจึงเคลื่อนเข้าไปในเซลล์ที่สร้างใหม่นี้
- ภาวะ hypokalemic periodic paralysis และ thyrotoxic periodic paralysis เกิดอาการเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น หลังการออกกำลังกายหรือรับประทานอาหารที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบ เป็นต้น
- Na+-K+-ATPase pump ทำงานเพิ่มขึ้น เช่น การใช้ Beta-2 adrenergic agonist เป็นต้น
- การสูญเสียโปแตสเซียมจากทางเดินอาหารส่วนล่าง จะเกิดภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำร่วมกับภาวะ hyperchloremic metabolic acidosis เพราะสูญเสียทั้งโปแตสเซียมและไบคาร์บอเนต
- การสูญเสียทางไต
- ความผิดปกติของฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน ผู้ป่วยจะความดันโลหิตสูงมีภาวะเกลือเกินในร่างกาย
- ปริมาณโซเดียมในปัสสาวะที่บริเวณทิ่ไตส่วนปลายเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยมีความดันโลหิตปกติหรือต่ำลง เช่น การอาเจียนปริมาณมาก, renal tubularacidosis, nonreabsorbable anions เป็นต้น
- ความผิดปกติของฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน ผู้ป่วยจะความดันโลหิตสูงมีภาวะเกลือเกินในร่างกาย
รูปที่ 1 แนวทางการหาสาเหตุภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำจากการสูญเสียโปแตสเซียมทางไต
.
ตารางที่ 1 อาการแสดงของภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำ
.
ตารางที่ 2 การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อแยกสาเหตุของภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำ
การตรวจเพื่อวินิจฉัยและวินิจฉัยแยกโรค
- การตรวจเลือดยืนยันว่า ระดับโปแตสเซียมในเลือดน้อยกว่า 3.5 mEq/l
- การตรวจปัสสาวะขณะที่มีระดับโปแตสเซียมในเลือดต่ำ ดังตารางที่ 2
การรักษา
- การรักษาภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากระดับโปแตสเซียมในเลือดต่ำ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น ให้ KCl 10-20 mEq ผสมใน NSS 100 ml ทางหลอดเลือดดำขนาดใหญ่ในเวลา 1 ชั่วโมง โดยติดตาม ECG ตลอดเวลา
- การแก้ไขให้โปแตสเซียมในเลือดอยู่ระดับปกติ ถ้าสาเหตุเกิดจากการสูญเสียโปแตสเซียมทางไต ต้องชดเชยประมาณ 200-400 mEq ต่อระดับโปแตสเซียมในเลือดที่ต้องการให้เพิ่มขึ้น 1 mEq/l
- การแก้สาเหตุ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
ภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง (Hyperkalemia)
ภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง หมายถึง ระดับโปแตสเซียมในเลือด มากกว่า 5.5 mEq/l ซึ่งมีสาเหตุ ดังนี้
- Pseudohyperkalemia เกิดจากโปแตสเซียมเคลื่อนออกจากเซลล์หลังเจาะเลือด แก้ไขโดยเจาะเลือดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
- การรับประทานอาหารที่มีโปแตสเซียมมากมักพบร่วมกับการขับโปแตสเซียมทางไตลดลง เช่น ภาวะไตวายฉับพลัน
- โปแตสเซียมเคลื่อนที่ออกจากเซลล์ หรือไม่สามารถเข้าไปในเซลล์ได้
- ภาวะที่เซลล์แตกเป็นจำนวนมาก เช่น rhabdomyolysis, tumor lysis syndrome เป็นต้น
- ปรากฏการณ์ solvent drag คือ การดึงน้ำออกจากเซลล์ เป็นผลให้มีโปแตสเซียมออกมาด้วย เช่น diabetic ketoacidosis เป็นต้น
- ภาวะเลือดเป็นกรดจาก inorganic acid เพราะ Na+-K+-ATPase pump ทำงานลดลง และโปแตสเซียมเคลื่อนออกมานอกเซลล์พร้อมกับคลอไรด์ผ่านทาง K+-Cl- cotransporter3
- ยาที่ยับยั้งการทำงานของ Na+-K+-ATPase pump เช่น Betablocker, digitalis เป็นต้น
- Hyperkalemic periodic paralysis เกิดจากการสร้างโปรตีน SCN4A ผิดปกติ4 ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น หลังสัมผัสอากาศเย็น หลังออกกำลังกาย เป็นต้น
- การขับโปแตสเซียมทางไตลดลง โดยมี 2 ปัจจัย คือ
- ปริมาณโซเดียมที่ท่อไตส่วนปลายลดลง เช่น ภาวะไตวายฉับพลันโรคไตเรื้อรังที่การทำงานของไตน้อยกว่า 10 ml/min/1.73m2 1
- ความผิดปกติของระบบ renin-angiotensin-aldosterone อาจมีการสร้างฮอร์โมนอัลโดสเตอโรนลดลงหรือเซลล์ท่อไตไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนก็ได้
- ปริมาณโซเดียมที่ท่อไตส่วนปลายลดลง เช่น ภาวะไตวายฉับพลันโรคไตเรื้อรังที่การทำงานของไตน้อยกว่า 10 ml/min/1.73m2 1
อาการและอาการแสดง
อาการและอาการแสดงของผู้ป่วยเกิดจากเนื้อเยื่อถูกกระตุ้น เพราะ resting membrane potential สูงขึ้น จึงเกิด action potential ได้ง่าย พบการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบ ascending paralysis นอกจากนี้ ภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง ทำให้การขับกรดแอมโมเนียมทางปัสสาวะบริเวณ collecting tubule ลดลง จึงเกิดภาวะ hyperchloremic metabolic acidosis
รูปที่ 2 สาเหตุของภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูงเนื่องจากการขับโปแตสเซียมทางไตลดลง
การตรวจเพื่อวินิจฉัยและวินิจฉัยแยกโรค
- การตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่า ระดับโปแตสเซียมในเลือดมากกว่า 5.5 mEq/l
- การตรวจปัสสาวะขณะที่มีระดับโปแตสเซียมในเลือดสูง
การรักษา
- การรักษาแบบฉุกเฉิน ควรทำดังต่อไปนี้5
- 10% calcium gluconate 10-20 มล. ให้ทางหลอดเลือดดำ ภายใน 2-3 นาที ถ้าไม่ได้ผลภายใน 5-10 นาที สามารถให้ซ้ำได้ ข้อระวังในผู้ป่วยได้รับยา digitalis จะเกิด digitalis intoxication ได้
- การฉีดอินซูลินร่วมกับกลูโคสเข้าหลอดเลือดดำ (ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 250 mg/dl ไม่จำเป็นต้องให้กลูโคส) สามารถให้ซ้ำได้ตามความต้องการ แต่ต้องระวังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- การพ่นยา albuterol ข้อควรระวังคือ ทำให้เกิดหัวใจเต้นเร็ว เป็นผลให้โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดกำเริบได้
- โซเดียมไบคาร์บอเนตไม่มีผลในการลดระดับโปแตสเซียมในเลือด แต่มีผลเสียคือ เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โซเดียมและน้ำเกินในร่างกาย6 ปัจจุบันจึงไม่แนะนำให้ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตในการรักษา
- 10% calcium gluconate 10-20 มล. ให้ทางหลอดเลือดดำ ภายใน 2-3 นาที ถ้าไม่ได้ผลภายใน 5-10 นาที สามารถให้ซ้ำได้ ข้อระวังในผู้ป่วยได้รับยา digitalis จะเกิด digitalis intoxication ได้
- การขับโปแตสเซียมออกจากร่างกาย
- การขจัดผ่านทางอุจจาระด้วย cation exchange resin โดย resin 1 กรัมจับกับโปแตสเซียม 1 mEq ควรระวังผลข้างเคียง คือ ผนังลำไส้ตาย (bowel necrosis)7 ซึ่งพบในผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยที่มี bowel ileus ปัจจุบันจึงแนะนำให้ผสม cation exchange resin กับน้ำเปล่า
- การขจัดผ่านไต คือ การใช้ยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีข้อควรระวัง คือ ภาวะขาดสารน้ำและเกลือในร่างกาย
- การขจัดผ่านการบำบัดทดแทนทางไต คือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม สามารถขจัดโปแตสเซียมได้ 40-120 mEq ต่อครั้ง8 และควรติดตามผลเลือดที่ 2-3 ชั่วโมงหลังการฟอกเลือด
- การขจัดผ่านทางอุจจาระด้วย cation exchange resin โดย resin 1 กรัมจับกับโปแตสเซียม 1 mEq ควรระวังผลข้างเคียง คือ ผนังลำไส้ตาย (bowel necrosis)7 ซึ่งพบในผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยที่มี bowel ileus ปัจจุบันจึงแนะนำให้ผสม cation exchange resin กับน้ำเปล่า
- การหาสาเหตุและป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
เอกสารอ้างอิง
- Palmer BF, Clegg DJ. Physiology and pathophysiology of potassium homeostasis. Advances in physiology education. 2016;40(4):480-90.
- Adrogue HJ, Madias NE. Changes in plasma potassium concentration during acute acid-base disturbances. The American journal of medicine. 1981;71(3):456-67.
- Palmer BF. Regulation of Potassium Homeostasis. Clinical journal of the American Society of Nephrology : CJASN. 2015;10(6):1050-60.
- Fontaine B, Lapie P, Plassart E, Tabti N, Nicole S, Reboul J, et al. Periodic paralysis and voltage-gated ion channels. Kidney in ternational. 1996;49(1):9-18.
- Kamel KS, Wei C. Controversial issues in the treatment of hyperkalaemia. Nephrology, dialysis, transplantation : official publication of the European Dialysis and Transplant Association – European Renal Association. 2003;18(11):2215-8.
- Allon M, Shanklin N. Effect of bicarbonate administration on plasma potassium in dialysis patients: interactions with insulin and albuterol. American journal of kidney diseases : the official journal of the National Kidney Foundation. 1996;28(4):508-14.
- Gerstman BB, Platt R. Use of sodium polystyrene sulfonate in sorbitol in the United States, 1985-1989. American journal of kidney diseases : the official journal of the National Kidney Foundation. 1991;18(5):619-20.
- Dolson GM, Ellis KJ, Bernardo MV, Prakash R, Adrogue HJ. Acute decreases in serum potassium augment blood pressure. American journal of kidney diseases : the official journal of the National Kidney Foundation. 1995;26(2):321-6.