CIMjournal
Latent Tuberculosis Infection

The Challenge of Diagnosis and Treatment of Latent Tuberculosis Infection


พญ. กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจศ. พญ. กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ
สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

สรุปเนื้อหางานประชุมใหญ่ประจำปี 2563 ครั้งที่ 24 จัดโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย วันที่ 17 ตุลาคม 2563

 

การติดเชื้อวัณโรคระยะแฝง หรือเรียกสั้น ๆ ว่า วัณโรคแฝง (Latent Tuberculosis Infection: LTBI) หมายถึง ช่วงเวลาที่ร่างกายมีการติดเชื้อวัณโรคแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏอาการ หรือเป็นโรค ซึ่งหากให้ยาต้านวัณโรคในช่วงเวลานี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเป็นวัณโรคต่อไป จึงไม่มีวัณโรครายใหม่ และไม่มีการแพร่เชื้อต่อไป นับเป็นการตัดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง การวินิจฉัยและรักษาวัณโรคแฝงจึงเป็นมาตรการที่สำคัญในการควบคุมปัญหาวัณโรค ทำให้สามารถยุติปัญหาวัณโรคอย่างยั่งยืน โดยภาพรวมประมาณร้อยละ 10 ของผู้ที่เป็นวัณโรคแฝงเท่านั้นที่จะกลายเป็นวัณโรค คาดว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงประมาณ 9 แสนรายต่อปี ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคแฝง คือ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดสัมผัสกับผู้ป่วยในระยะแพร่เชื้อ โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และทารกที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องโดยเฉพาะเอชไอวี และผู้ที่ได้รับเชื้อมาไม่เกินสองปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีที่เป็นวัณโรคแฝงจะมีโอกาสเกิดเป็นวัณโรคได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 – 10 เท่า1 ยิ่งอายุน้อยกว่าหนึ่งปีก็ยิ่งมีโอกาสสูงมากกว่า รวมทั้งมีโอกาสเป็นวัณโรคชนิดรุนแรง คือ เป็นวัณโรคนอกปอดสูงกว่าผู้ใหญ่มาก

การวินิจฉัยวัณโรคแฝง คือ การตรวจพบว่าร่างกายมีปฏิกิริยาที่ส่อให้เห็นว่า เคยสัมผัสเชื้อมาก่อน ในขณะที่การตรวจร่างกาย และภาพถ่ายรังสีทรวงอก พบว่า ยังปกติดี แสดงว่า ยังไม่เป็นโรค การวินิจฉัยมีอุปสรรค คือ การตรวจว่าเคยสัมผัสเชื้อมาก่อนนั้นอาจเป็นวิธีการทดสอบผิวหนัง (tuberculin skin test: TST) หรือการตรวจเลือดเพื่อดูปฏิกิริยาเม็ดเลือดขาวว่ามีการหลั่งสาร interferon-gamma (IFN) หรือไม่ เมื่อได้พบกับแอนติเจนของวัณโรคในหลอดทดลอง (interferon-gamma release assays: IGRA) ซึ่งมี 2 วิธี คือ QuantiFERON®-TB (วัดปริมาณ IFN) และ T-Spot (นับเซลล์ที่หลังสาร IFN) การทดสอบผิวหนัง การทดสอบผิวหนังแม้จะมีราคาถูกกว่า แต่ยุ่งยากกว่า แปลผลได้ยากกว่า มีความไม่แม่นยำสูงและมีผลบวกลวง (โดยเฉพาะจากวัคซีนบีซีจีในเด็ก และการติดเชื้อ non-tuberculous mycobacteria) และลบลวง (โดยเฉพาะเมื่อป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง) ได้บ่อยในขณะที่ IGRA ได้ผลแม่นยำกว่า แต่มีราคาแพงกว่ามาก และได้ผลไม่ดีในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี (โดยเฉพาะที่อายุน้อยกว่า 2 ปี) และผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ดังนั้น ในปัจจุบันหากมีประวัติสัมผัสวัณโรคที่ชัดเจนในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องแนะนำให้รักษาวัณโรคแฝงไปเลย เพราะการตรวจไม่แม่น มีโอกาสเกิดโรค และเป็นโรคที่รุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่ หรือผู้ที่แข็งแรงดี การรักษาไปเลยจึงคุ้มกว่าไม่ต้องมาเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการตรวจ แต่ในเด็กทั่วไปที่อายุมากกว่า 5 ปี และผู้ใหญ่ควรตรวจด้วย IGRA ถ้าทำได้ แต่หากใช้ TST ควรใช้เกณฑ์ตัดสินปฏิกิริยาที่ 15 มม. สำหรับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่องควรใช้เกณฑ์ TST ที่ 5 มม.

การรักษาวัณโรคแฝงในปัจจุบันมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากประกอบด้วยสูตรมาตรฐานดั้งเดิมระยะยาว 6 – 9 เดือน และสูตรระยะสั้น 1 – 4 เดือน ซึ่งในปัจจุบันแนะนำมากกว่าดังนี้ 2, 3

  1. สูตร isoniazid ตัวเดียว กินทุกวัน นาน 6 – 9 เดือน (6 – 9H) ซึ่งยังถือเป็นการรักษามาตรฐานที่ใช้ได้ดีในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ แต่มีปัญหาในเรื่องการรักษาที่ยาวนานทำให้มีโอกาสรักษาได้ครบ หยุดยาก่อนกำหนดได้สูง
  2. สูตร isoniazid ร่วมกับ rifampicin กินทุกวัน 3 เดือน (3HR) พบว่า สามารถใช้ได้ดี มีประสิทธิภาพไม่แพ้ 6 – 9H และยังมีโอกาสรักษาครบได้มากกว่าโดยที่ผลข้างเคียงไม่ได้มากกว่ากัน
  3. สูตร rifampicim ตัวเดียว กินทุกวันนาน 4 เดือน (4R) ซึ่งพบว่า มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างจาก 6 – 9H แต่มีโอกาสรักษาครบมากกว่า และมีผลข้างเคียงมากกว่า เหมาะสำหรับกรณีที่ไปสัมผัสกับเชื้อวัณโรคดื้อยา isoniazid และเนื่องจากยา rifampicin มีรูปแบบของยานำ จึงสามารถใช้ในเด็กเล็กที่กินยาเม็ดได้
  4. สูตร isoniazid ร่วมกับ rifapentine กินสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง จำนวน 12 ครั้ง รวมเป็นเวลา 3 เดือน (3HP) พบว่า มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากสูตรระยะยาวดังเดิม แต่มีโอกาสกินครบมากกว่าไม่ยุ่งยาก และผลข้างเคียงไม่แตกต่างจึงเป็นที่นิยม และแนะนำเป็นอย่างมาก แต่ราคายังแพงกว่าสูตรอื่น และยังไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ และเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี เพราะมีข้อมูลความปลอดภัยไม่เพียงพอ
  5. สูตร isoniazid ร่วมกับ rifapentine กินทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน (1HP) ซึ่งพบว่า ได้ผลดี มีโอกาสรักษาครบมาก แต่มีหลักฐานเชิงประจักษ์เฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีที่อายุ 13 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่เท่านั้น และยังมีปัญหาในเรื่องราคาที่สูงขึ้น รวมทั้งยังมีข้อมูลในผู้ที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวีค่อนข้างน้อย

ขนาดยาต่าง ๆ ในแต่ละสูตรที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลกเป็นดังตารางนี้2Latent Tuberculosis Infection 01

ในกรณีที่ติดเชื้อจากผู้ที่เป็นวัณโรคดื้อยาหากดื้อยา isoniazid ตัวเดียวแต่ไม่ดื้อยา rifampicin ให้ใช้สูตรไป 4R แต่หากดื้อ rifampicin ตัวเดียวให้ใช้สูตร 6 – 9H แต่หากดื้อหลายขนาน ทั้ง isoniazid และ rifampicin ยังไม่แน่ชัดว่าควรให้ยาป้องกันหรือไม่ แต่องค์การอนามัยโลก และ UD-CDC ให้พิจารณาให้ยา quinolones (levofloxacin) ป้องกันแต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้วยเสมอ

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Marais BJ, Gie RP, Schaaf HS, Hesseling AC, Obihara CC, Starke JJ, et al. The natural history of childhood intra-thoracic tuberculosis: a critical review of literature from the pre-chemotherapy era. Int J Tuberc Lung Dis 2004; 8: 392 – 402.
  2. World Health Organization. WHO consolidated guidelines on tuberculosis: tuberculosis preventive treatment: module l: prevention: tuberculosis preventive treatment [Internet].2020 [cited 2020 Oct 5]. Available from: https://apps.who.int/iris /bitstream/handle/10665/331170/9789240001503-eng.pdf.
  3. Centers for Disease Control and Prevention. Latent Tuberculosis Infection : A Guide for Primary Health Care Providers [Internet]. 2020 [cited 2020 Cct 5]. Available from: https://www.cdc.gov/tb/publications/ltbi/pdf/LTBIbooklet508.pdf.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก