จากการติดตามการเกิดภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน หรือ Cerebral venus sinus thrombosis (CVST) พบมีความสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยพบอาการที่รุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตสูง ทั้งนี้ ข้อมูลได้มีการตีพิมพ์ออนไลน์ใน JAMA Neurology
จากการติดตามผู้ป่วยที่เกิดภาวะ CVST ภายใน 28 วัน หลังได้รับวัคซีน COVID-19 ระหว่าง 29 มีนาคม ถึง 18 มิถุนายน 2564 จาก 81 โรงพยาบาลใน 19 ประเทศ พบผู้ป่วยที่มีอาการ CVST หลังฉีดวัคซีน จำนวน 116 ราย มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombosis with thrombocytopenia syndrome, TTS) 78 ราย หรือ 67.2% และในผู้ที่ป่วยด้วยภาวะนี้ พบมีอาการ Coma 24%, Intracerebral hemorrhage 68% มี Thromboembolism ร่วมด้วย 36% และเสียชีวิตระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล 47% โดย 78 รายที่พบ CVST และ TTS นั้น 76 ราย เกิดภายหลังการได้รับวัคซีน AstraZeneca อีก 2 ราย เกิดภายหลังการได้รับวัคซีนของ Johnson and Johnson และ Pfizer และ 75 ราย เกิดหลังจากการได้รับวัคซีนเข็มแรก
จากการศึกษานี้ พบว่า ผู้ป่วยที่เกิดภาวะ CVST หลังได้รับวัคซีน COVID-19 และมีภาวะ TTS จะมีความเสี่ยงต่อภาวะ Coma, Intracerebral hemorrhage, Concomitant Thromboembolism รวมถึงการเสียชีวิตสูงกว่าผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะ CVST และกลุ่มผู้ป่วย CVST ที่ไม่เกี่ยวกับการระบาด
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า2 ผลการศึกษานี้ไปในแนวทางเดียวกันกับการศึกษาในสหราชอาณาจักร ก่อนหน้าที่ว่าการเกิดภาวะ CVST สัมพันธ์กันกับการฉีดวัคซีน COVID-19 และควรใช้การรักษาที่จำเพาะเจาะจง และสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรง ชัก แขนขาอ่อนแรง มีปัญหาในการพูด หรือการมองเห็น ดังนั้นภายใน 4 สัปดาห์ หลังจากฉีดวัคซีน COVID-19 แบบ Adenovirus ควรมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
1. www.jamanetwork.com
2. www.medscape.com
ภาพประกอบจาก www.freepik.com