แม้ในปัจจุบันเราจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดเชื้ออยู่หลายชนิดและสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย นักเดินทางจำนวนหนึ่งยังคงมีโอกาสติดเชื้อจากไวรัสตับอักเสบ เอ แม้ว่าจะเดินทางไปยังในพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในระดับต่ำก็ตาม ระบบการเฝ้าระวังระดับนานาชาติได้รายงานว่าการให้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ เอ ก่อนการเดินทางสำหรับผู้ที่จำเป้นต้องได้รับนั้นสามารถลดอัตราการติดเชื้อลงได้
ในแต่ละปี ประชากรโลกประมาณ 1.4 ล้านคนจะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ซึ่งโดยส่วนมากเกิดขึ้นในทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรปตะวันออก อเมริกากลาง และ อเมริกาใต้ ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา หลาย ๆ ประเทศสามารถลดอุบัติการณ์การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้จากการปรับปรุงสุขลักษณะอนามัย และระบบน้ำประปา รวมไปถึงการระดมการฉีดวัตซีนป้องกันโรคตับอักเสบ เอ ในเด็ก แต่ก็ยังมีบางประเทศที่ยังอุบัติการณ์ของโรคนี้สูงอยู่
ระบบการสำรวจและเฝ้าระวังโรค Geosentinel ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2020 จำนวน 254 คน ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ซึ่งมีจำนวนข้อมูลครบถ้วน 54 คน โดยใน 54 คนนี้ มีเพียงแค่ 1 คนเท่านั้นที่มีประวัติการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้วก่อนการเดินทาง คิดเป็นร้อยละ 2% นักเดินทางส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เป็นนักท่องเที่ยวร้อยละ 47% (120 คน จาก 254 คน) และเป็นผู้เดินทางเพื่อการเยี่ยมญาติครอบครัว ร้อยละ 28 หรือ 72 คน กลุ่มประชากรมากกว่า 2 ใน 3 ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มีอายุน้อยกว่า 20 ปี ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการเดินทางไปยัง ภูมิภาคเอเชียใต้ ร้อยละ 25% และภูมิภาคใต้ต่อทะเลทรายซาฮารา ร้อยละ 24% โดยเฉลี่ยแล้วมีอาการอยู่ประมาณ 7 วัน ก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งมีอัตราการต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลสูงถึงร้อยละ 59
จากข้อมูลเบื้องต้นอาจสรุปได้ว่า การให้คำแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ เอ นั้น สามารถช่วยป้องกันการเกิดติดเชื้อได้และควรแนะนำให้ฉีดในนักเดินทางที่จะเดินทางไปยังบริเวณที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ด้วย
เรียบเรียงโดย นพ.วิชล ลิ้มพัฒนาชาติ
ข้อมูลจาก https://doi.org/10.1093/jtm/taac013