แอนติบอดี้ต่อเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าหลังการฉีดวัคซีนเข้าทางชั้นผิวหนังจะยังคงอยู่ในร่างกายได้นานหลายปีและสามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ด้วยวัคซีนเข็มกระตุ้นจำนวน 1 โดส
ในปัจจุบันนั้น ข้อมูลที่ศึกษาผลการตอบสนองต่อวัคซีนหรือระดับของแอนติบอดี้หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในกรณีก่อนได้รับความเสี่ยงจากการถูกกัดนั้นมีอย่างจำกัด ประมาณการได้ว่า นักท่องเที่ยวถูกสัตวกัดนั้นมีจำนวนตั้งแต่ 0.3 ถึง 157 ต่อประชากร 1,000 คนต่อเดือน โรคพิษสุนัขบ้านั้นมีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่การฉีดวัตซีนหลังการได้รับเชื้อไวรัสนั้นสามารถป้องกันติดเชื้อไวรัสนี้ได้
การศึกษาจากคลินิกท่องเที่ยว เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ได้รวบรวมกลุ่มตัวอย่าง 158 คน ที่เคยฉีดวัตซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าก่อนการได้รับเชื้ออย่างน้อย 5 ปี โดยทำการเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอนติบอดี้ในวันที่เข้ารับการศึกษา และได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อ Verolab เข็มกระตุ้น 0.1 ซีซี ทางชั้นผิวหนัง และตรวจติดตามวัดระดับ 7 วันหลังการฉีดวัคซีน และสอบถามถึงอาการผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน ผลปรากฏว่า ในวันแรกก่อนการฉีดวัคซีนนั้น ร้อยละ 82.3 ของอาสาสมัครที่เข้าร่วมงานวิจัยมีผลเลือดเป็นบวกต่อแอนติบอดี้ของไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า โดยสัดส่วนของผู้ที่มีผลเลือดเป็นบวกอยู่ที่ร้อยละ 87 ในกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 50 ปี และ ร้อยละ 75.8 ในกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี หลังจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้ว 7 วันนั้น ผู้เข้าร่วมการวิจัยเกือบทุกคน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99.4% มีผลเลือดเป็นบวกต่อการทดสอบหาแอนติบอดี้ต่อเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า สำหรับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนั้นมีผู้รายงานเพียง 42.4% ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นผลข้างเคียงในบริเวณที่ทำการฉีดเท่านั้น เช่น อาการคัน อาการปวดบวมหลังฉีดเป็นต้น
จากการศึกษาเบื้องต้นนั้นจะเห็นได้ว่า วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างมานั้นสามารถคงระดับไว้ได้นานหลายปี อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในระยะยาวในกรณีฉีดก่อนการได้รับความเสี่ยงหรือการรับเชื้อนั้นยังมีข้อมูลจำกัดและควรมีข้อมูลการศึกษาที่มากกว่านี้ก่อนการนำไปประยุกต์ใช้ในการทางคลินิกต่อไป
เรียบเรียงโดย นพ. วิชล ลิ้มพัฒนาชาติ
ข้อมูลจาก https://doi.org/10.1093/jtm/taab188