การศึกษาใหม่ชี้ให้เห็นถึง ความเชื่อมโยงระหว่างการได้รับกัญชาขณะตั้งครรภ์กับน้ำหนักตัว น้ำหนักไขมัน และน้ำตาลหลังอดอาหารที่สูงขึ้นเมื่อทารกในครรภ์ดังกล่าวเติบโตมาอยู่ในวัยเด็ก ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาการเผาผลาญที่ตามมา
การใช้กัญชาในสหรัฐอเมริกากำลังเป็นที่นิยม และได้รับการยอมรับมากขึ้น แม้ในสตรีมีครรภ์ก็ใช้กัญชาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 3.4% เป็น 7% ในช่วง 20 ปีหลังมานี้ ข้อมูลจากรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า 22.4% ของหญิงตั้งครรภ์มีระดับ Δ9 – tetrahydrocannabinol (THC-COOH) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของกัญชาในเนื้อเยื่อสายสะดือ แต่มีหญิงตั้งครรภ์เพียง 2.6% ที่รายงานว่าตนเองใช้กัญชา ซึ่งการที่ทารกสัมผัสกับกัญชาตั้งแต่อยู่ในครรภ์อาจมีผลต่อระบบเผลาผลาญของเด็กที่เติบโตต่อไป
Brianna F Moore และคณะได้รวบรวมข้อมูลจากการตรวจ 12 สารที่ได้จากกัญชาหรือส่วนประกอบของกัญชารวมถึง Δ9 – tetrahydrocannabinol และ cannabidiol ในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 หรือประมาณ 27 สัปดาห์ และวัดค่าต่างๆของลูกเมื่อโตขึ้นอายุเฉลี่ย 4.7 ปี กล่าวคือ น้ำหนักที่ปราศจากไขมันของลูก น้ำหนักไขมัน รวมถึงการตรวจน้ำตาลหลังการอดหาร และฮอร์โมนอินซูลิน ใน 103 คู่แม่ลูกจาก Healthy Start ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติในรัฐโคโลราโด ผลพบหญิงตั้งครรภ์ 15% ตรวจพบกัญชาหรือส่วนประกอบของกัญชาในปัสสาวะในระดับที่บ่งบอกว่าทารกสัมผัสกัญชาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งทารกกลุ่มนี้มีมวลไขมันมากกว่า 1 กก. น้ำหนักแบบปราศจากไขมันมากกว่า 1.2 กก. และความอ้วนมากกว่า 2.6% รวมถึงน้ำตาลหลังอดอาหารมากกว่า 5.6 มก./ดล. เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มารดาตรวจไม่พบกัญชาจากปัสสาวะ แต่ยังไม่พบความแตกต่างของระดับอินซูลิน การดื้ออินซูลินจากการตรวจ HOMA-IR ดัชนีมวลกาย และ Z-score ของดัชนีมวลกายที่ปรับตามอายุในทั้ง 2 กลุ่ม
หลักฐานจากงานวิจัยชี้ให้เห็นถึง ความเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสกัญชาของทารกตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์ กับความอ้วนที่เพิ่มขึ้น น้ำตาลหลังอดอาหารที่เพิ่มขึ้นตามมาในวัยเด็ก ซึ่งอาจส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพของเด็กเหล่านี้และคงต้องมีการศึกษาในอนาคตต่อไป
- https://www.medscape.com/viewarticle/971315
- https://academic.oup.com/jcem/article/107/7/e2862/6554396?login=false