ระดับไขมันคลอเลสเตอรอลที่เหลืออยู่ (Remnant Cholesterol) มีส่วนช่วยในการประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่ทำให้เกิดหัวใจขาดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจตาย ร่วมกับระดับไขมันคลอเลสเตอรอลรวมและไขมันคลอเลสเตอรอลชนิด LDL ซึ่งทำให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและทำการรักษาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยการรวมเอา remnant cholesterol มาด้วยนั้นสามารถแยกผู้ป่วยที่เคยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือหัวใจขาดเลือดได้มากถึง 40%
ในการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า remnant cholesterol เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่แนวทางเวชปฏิบัติในการประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังพิจารณาเพียงระดับไขมันคลอเลสเตอรอลรวมและคลอเลสเตอรอลชนิด LDL เท่านั้น ยังไม่ได้รวมเอา remnant cholesterol เข้ามาร่วมประเมินด้วย
Takahito Doi และคณะจากประเทศเดนมาร์กและประเทศญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาในประชากรทั่วไปอายุตั้งแต่ 40 – 100 ปี ที่ไม่มีโรคหัวใจขาดเลือด ไม่มีโรคเบาหวาน และไม่ได้รับยาลดไขมันกลุ่ม statin มาก่อน จำนวน 41,928 ราย โดยติดตามนานประมาณ 12 ปี ผลพบว่าการใช้ปัจจัยเสี่ยงแบบเดิมในการทำนายการเกิดโรคหัวใจใน 10 ปีที่ 5% นั้นดีขึ้นประมาณ 23 % และ 21% สำหรับโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และโรคหัวใจขาดเลือดตามลำดับ เมื่อใช้ remnant cholesterol ที่ ≥ 95 เปอร์เซนไทล์มาประเมินร่วมด้วย หากลดเกณฑ์ของ remnant cholesterol ลงเป็นที่ ≥ 75 เปอร์เซนไทล์จะทำนายโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และโรคหัวใจขาดเลือดได้ 10% และ 8% ตามลำดับ การใช้ remnant cholesterol ยังช่วยทำนายการเกิดโรคหัวใจใน 10 ปีที่จุดตัด 7.5% และ 10% ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่อรวมทั้งจุดตัดที่การเกิดโรคหัวใจใน 10 ปี ที่ 5%, 7.5% และ 10% พบว่า สามารถทำนายโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายและโรคหัวใจขาดเลือดได้ถึง 42% และ 41% ตามลำดับ
การค้นพบนี้จะช่วยให้การประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจจากระดับไขมันมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาระดับ remnant cholesterol ร่วมด้วย อาจนำไปสู่การเข้าถึงการรักษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นต่อไป
- https://www.medscape.com/viewarticle/975777
- https://www.jacc.org/doi/abs/10.1016/j.jacc.2022.03.384