ผลการวิจัยพบ การฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ชนิด mRNA ไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์ในสตรีที่ตั้งครรภ์โดยการปฏิสนธิในหลอดทดลอง (in-vitro fertilization; IVF) ซึ่งนับเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่ช่วยสนับสนุนความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในสตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์ต่อไป
จากการศึกษาก่อนหน้านี้ พบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 สามารถช่วยลดความรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ในสตรีตั้งครรภ์ที่ติดโรคโควิด 19 ได้ โดยไม่ส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด หรือปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ แต่สำหรับสตรีที่มีบุตรยากและต้องการมีบุตรด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์นั้นยังไม่มีข้อมูลหรือการศึกษาชัดเจน
ทีมวิจัยจากนิวยอร์กซึ่งนำโดย Devora Aharon ได้เก็บข้อมูลย้อนหลัง เพื่อเปรียบเทียบอัตราการตั้งครรภ์สำเร็จและการสูญเสียการตั้งครรภ์ช่วงระยะเริ่มตั้งครรภ์ ในสตรีที่ใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ โดยการเก็บไข่จากรังไข่ออกมาผสมกับอสุจิในห้องปฏิบัติการจนได้ตัวอ่อน และนำกลับไปฝังในมดลูกหรือที่เรียกว่า เด็กหลอดแก้ว (IVF) ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ ถึง กันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งสตรีกลุ่มที่ได้วัคซีนโควิด19 เป็นชนิด mRNA รวม 2 เข็ม จำนวน 222 ราย และกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนจำนวน 983 ราย พบว่าอัตราการตั้งครรภ์ การสูญเสียการตั้งครรภ์ รวมถึงการเก็บได้ไข่ การเก็บได้ไข่ที่โตเต็มที่ สัดส่วนของไข่ที่โตเต็มที่ การเจริญของตัวอ่อนในระยะ blastula และ euploid ในทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวไม่มีความแตกต่างกัน คณะวิจัยยังได้เก็บข้อมูลของสตรีที่เข้ารับการการถ่ายโอนตัวอ่อนแช่แข็งระยะ euploid ในผู้ได้รับวัคซีน และไม่ได้รับวัคซีนจำนวน 214 และ 733 รายตามลำดับ พบว่าการตั้งครรภ์ต่อเนื่อง การสูญเสียการตั้งครรภ์ ก็ไม่แตกต่างกันไม่ว่าจะได้รับวัคซีนโควิด 19 หรือไม่
การได้รับวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA ไม่มีผลกระทบต่อการกระตุ้นไข่ หรือการตั้งครรภ์ระยะแรกจากการช่วยเจริญพันธุ์ด้วยวิธีการทําเด็กหลอดแก้ว ผลงานวิจัยนี้มีส่วนช่วยเพิ่มเติมหลักฐานทางวิชาการเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในสตรีที่พยายามตั้งครรภ์ อาจช่วยลดความกังวลและสร้างความมั่นใจให้สามารถตัดสินใจในการรับวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น
- https://www.sciencedaily.com/releases/2022/01/220125173250.htm
- https://lww.com/pages/results.aspx?txtKeywords=10.1097%2fAOG.0000000000004713