จากการศึกษาล่าสุดที่ได้นำเสนอในงานประชุมของ American Society of Hematology (ASH) 2021 พบว่า การได้รับวัคซีน COVID-19 นั้น ไม่ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (Deep venous thrombosis, DVT) มากขึ้น
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) ของร่างกาย มักเกิดขึ้นที่บริเวณต้นขาหรือน่อง ทำให้เกิดอาการปวด บวม หรือกดบริเวณขาแล้วรู้สึกเจ็บ แต่บางรายอาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น ภาวะนี้มักเป็นผลจากภาวะทางสุขภาพ ทำให้เกิดการกดทับหรือหลอดเลือดดำได้รับความเสียหายจนทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน โดยหากลิ่มเลือดหลุดไปอุดกั้นในปอด (Pulmonary Embolism, PE) อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
มีรายงานพบภาวะแทรกซ้อนภายหลังการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยเฉพาะความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด เช่น ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ภาวะเลือดแข็งตัวง่ายผิดปกติ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดดำอุดตันในที่ต่าง ๆ ของร่างกายได้ โดยเฉพาะการอุดตันของหลอดเลือดดำในปอด ทำให้เกิดอาการที่รุนแรง และถึงขั้นเสียชีวิตได้
การศึกษาโดยผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลผู้ได้รับวัคซีน COVID-19 อย่างน้อย 1 เข็ม จาก Mayo clinic จำนวน382,524 ราย มาคำนวณเปรียบเทียบความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และภาวะหลอดเลือดดำอุดตันในปอด ภายในระยะเวลา 90 วัน หลังได้รับวัคซีน เปรียบเทียบกับประชากรปกติที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยวัคซีนที่นำมาศึกษานั้นมีทั้ง Moderna, Pfizer และ Janssen พบว่า อัตราการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันเฉียบพลัน (Acute DVT) และการเกิดภาวะหลอดเลือดดำอุดตันในปอด (PE) ไม่ได้มีความแตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบช่วงก่อน-หลังการได้รับวัคซีน และวัคซีนแต่ละชนิดก็ไม่ได้มีผลเพิ่มความเสี่ยงแตกต่างกันอีกด้วย
จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ ทำให้เราทราบว่า การฉีดวัคซีน COVID-19 ไม่ว่าจะเป็น Moderna, Pfizer หรือ Janssen นั้น ไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดทั้ง 2 ภาวะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงทั่วไปในประชากร จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของอาการหากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น
ข้อมูลจาก https://specialty.mims.com/topic/dvt-risk-not-raised-after-covid-19-vaccination