การศึกษาขนาดใหญ่ พบว่า การบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับการเกิดความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
เครื่องดื่มชูกำลังได้รับความนิยมในการบริโภคเพื่อเพื่อความสดชื่น เพิ่มพลังงาน ทำให้ตื่นตัว หรือทำงานได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งมักจะมีมีส่วนประกอบของสารกระตุ้น เช่น caffeine, guarana, taurine เป็นต้น ทำให้เป็นที่นิยมให้วัยวัยทำงานช่วงผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งเป็นวัยเจริญพันธุ์ที่อาจจะตั้งครรภ์ได้เช่นกัน เครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลายมีรายงานว่ามีผลกับร่างกาย เช่น ทำให้นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียน อาการเกี่ยวกับจิตประสาท แต่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาระยะยาวในสตรีที่ตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา
Ming Ding และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รวบรวมข้อมูลจาก the Nurses’ Health Study 3 (NHS3) และ the Growing Up Today Study (GUTS) ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ซึ่งได้ข้อมูลจากการตั้งครรภ์จำนวน 7,304 ครั้ง จากสตรีผู้เข้าร่วมงานวิจัยจำนวน 4,736 ราย ที่ระบุว่าบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังก่อนการตั้งครรภ์ และการตั้งครรภ์จำนวน 4,559 ครั้ง จากสตรีผู้เข้าร่วมงานวิจัยจำนวน 4,559 ราย ที่ระบุว่าบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังระหว่างการตั้งครรภ์ โดยผู้เข้าร่วมงานวิจัยจะได้ทำแบบสอบถาม 131-item food frequency questionaire (FFQ) ซึ่งระบุถึงการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังใน 1 ปีที่ผ่านมาก่อนตั้งครรภ์ ผลพบว่า 9% และ 14% ของสตรีผู้ร่วมงานวิจัยจาก NHS3 และ GUTS ตามลำดับระบุว่าตนเองบริโภคเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งพบว่า การบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ สัมพันธ์ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์อย่างมีนัยสำคัญประมาณ 1.6 เท่า แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังกับการแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือภาวะแทรกซ้อนรวมขณะตั้งครรภ์
จากการศึกษานี้ ชี้ให้เห็นว่าการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตสูงของมารดาขณะตั้งครรภ์ การจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มดังกล่าวอาจเป็นคำแนะนำสำหรับสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่วางแผนตั้งครรภ์ต่อไป
เรียบเรียงโดย พญ. นิษฐา ปรุงวิทยา
ข้อมูลจาก https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2812078