มีการศึกษาพบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เพศหญิงที่ออกกำลังกายในระยะหลังไข่ตก (ระยะ luteal) อาจจำเป็นต้องได้รับน้ำตาลกลูโคสขณะออกกำลังกายมากกว่าการออกกำลังกายในระยะก่อนไข่ตก (ระยะ follicular) เพื่อป้องกันการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
การออกกำลังกายมีประโยชน์ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยมักมีความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำขณะออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเพศหญิง โดยมีการศึกษาว่าการออกกำลังกายในช่วงที่มีระยะรอบประจำเดือนต่างกันมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 แกว่งขึ้นลงอย่างมาก แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนอย่างเพียงพอในปัจจุบัน
ระยะก่อนไข่ตก (follicular) เป็นระยะที่นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนถึงกลางระยะรอบเดือน (ประมาณ 14 วันหลังจากมีประจำเดือนวันแรก) หลังจากนั้นจะตามมาด้วยระยะหลังไข่ตก (luteal) จนกระทั่งถึงวันที่ 28 ของทุกเดือน โดยมีข้อมูลว่าระยะ luteal สัมพันธ์กับการมีความไวของอินซูลินลดลง
มีการศึกษาของ Yardley และคณะ ในประเทศแคนาดา เพื่อดูผลของระดับน้ำตาลจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิคแบบหนักปานกลางของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เพศหญิงจำนวน 9 คน ที่ออกกำลังกายในระยะ follicular เปรียบเทียบกับระยะ luteal พบว่า ทั้งสองระยะมีระดับน้ำตาลลดลงขณะออกกำลังกาย และเพิ่มขึ้นหลังจากออกกำลังกาย โดยไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของทั้งสองกลุ่ม และเพื่อความปลอดภัยในระหว่างการศึกษา ผู้ป่วยจะได้รับคาร์โบไฮเดรตเพิ่มหากระดับน้ำตาลขณะออกกำลังกายต่ำกว่า 4.5 มิลลิโมล/ลิตร ซึ่งพบว่าระยะ luteal มีผู้ป่วย 6 คนที่ได้รับคาร์โบไฮเดรตเพิ่ม ขณะที่ระยะ follicular มี 1 คน แต่ไม่พบจำนวนผู้ป่วยในระยะ luteal มีภาวะน้ำตาลต่ำหลังออกกำลังกายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้พบว่าหลังออกกำลังกายในระยะ follicular ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลสูงกว่าระยะ luteal อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
จากการศึกษา สรุปได้ว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิคในระยะ luteal อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ดังนั้นแพทย์ควรแนะนำให้ผู้ป่วยจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลโดยใช้เครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (Continuous glucose monitoring, CGM) ประเภทการออกกำลังกายและความสัมพันธ์กับระยะรอบประจำเดือน แต่เนื่องจากเป็นการศึกษาขนาดเล็กและทำในผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาคุมกำเนิด จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
- https://www.medscape.com/viewarticle/976569?src=#vp_1
- https://diabetesjournals.org/diabetes/article/71/Supplement_1/243-OR/145912