นักวิจัยพัฒนาการตรวจหาเชื้อ Streptococcus agalactiae จากรกให้มีความไวมากขึ้น และพบว่า ผลรกที่ติดเชื้อนี้สัมพันธ์กับการที่ทารกต้องรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลจากภาวะ sepsis มากขึ้น
จากสถิติทั่วโลก เชื้อแบคทีเรีย Streptococcus agalactiae ก่อให้เกิดการตายคลอดถึง 5 หมื่นราย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของทารกถึง 1 แสนรายทั่วโลกต่อปี จากการติดเชื้อที่อาศัยอยู่ในช่องทางคลอดของมารดา ในสหรัฐอเมริกามีการตรวจคัดกรองผู้ตั้งครรภ์ทุกรายว่ามีการติดเชื้อ S. Agalactiae หรือไม่ เพื่อให้การรักษาแม้ไม่มีอาการ ในขณะที่อีกหลายประเทศรวมถึงสหราชอาณาจักร ให้บริการคัดกรองเฉพาะผู้ตั้งครรภ์ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อเท่านั้น
การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Microbiology เป็นผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cambridge สหราชอาณาจักร ซึ่งดำเนินงานเพื่อหาคำตอบว่า การติดเชื้อ S. Agalactiae ที่ตรวจพบจากรก มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการต้องรักษาในโรงพยาบาลของทารกแรกเกิดหรือไม่ โดยจากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Cambridge ก่อนหน้านี้ พบเชื้อ S. Agalactiae จากรกของมารดาก่อนระยะคลอดประมาณร้อยละ 5 สำหรับงานวิจัยนี้ นักวิจัยได้รวบรวมข้อมูลที่ประกอบด้วยทารกแรกเกิดครบกำหนดจำนวน 436 คน วิเคราะห์ร่วมกับผลเพาะเชื้อที่ขึ้น S. Agalactiae จากชิ้นเนื้อรก โดยได้ปรับปรุงวิธีการตรวจเชื้อ S. Agalactiae ให้มีความไวมากขึ้น (Ultrasensitive PCR test) จากการสืบค้นประวัติการเข้ารักษาในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิด พบทารก 30 คน ที่รกติดเชื้อ S. Agalactiae มี 7 คน เข้ารักษาในหอผู้ป่วย ส่วนทารกอีก 406 คน ที่ตรวจรกไม่พบเชื้อ S. Agalactiae มี 34 คน ที่เข้ารักษาในหอผู้ป่วย คำนวณค่า Odds ratio ได้เท่ากับ 3.3 ซึ่งใกล้เคียงกับประชากรทารกอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ทำการศึกษาแบบเดียวกัน วิเคราะห์ค่า Odds ratio ได้เท่ากับ 2.4 จึงอาจสรุปได้ว่าการตรวจพบเชื้อ S. Agalactiae จากรก สัมพันธ์กับความเสี่ยงสูงขึ้น 2 – 3 เท่า ที่ทารกรายนั้นจะต้องรับการรักษาในหอผู้ป่วย และทารกแรกเกิดครบกำหนดที่ต้องรักษาตัวต่อในโรงพยาบาล จะพบการติดเชื้อ S. Agalactiae จากรกทุก 1 ใน 200 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการศึกษาก่อนนี้หลายเท่า
การศึกษานี้ยังเน้นความสำคัญของวิธีการตรวจหาเชื้อ S. Agalactiae ที่จะต้องพัฒนาให้มีความไวและจำเพาะมากขึ้น ผลการวิจัยที่ได้ยังช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อตรวจคัดกรองการติดเชื้อ S. Agalactiae ในผู้ตั้งครรภ์ทุกรายต่อไป
เรียบเรียงโดย พญ. สลิล ศิรินาม
ข้อมูลจาก https://www.sciencedaily.com/releases/2023/11/231129111846.htm