งานวิจัยล่าสุดพบยา Paxlovid สามารถลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ถึงร้อยละ 79 และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ร้อยละ 73 ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
ยา Paxlovid ซึ่งประกอบด้วย Nirmatrevir และ Ritonavir ได้รับการอนุมัติการใช้ฉุกเฉินโดย FDA สหรัฐอเมริกาตลอดจนหน่วยงานสาธารณสุขในภูมิภาคอื่นทั่วโลก ในผู้ป่วยโรคโควิด 19 อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่มีปัจจัยเสี่ยงและมีความรุนแรงของโรคน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากผลจากงานวิจัยก่อนนี้พบว่ายาให้ผลดีในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้รับวัคซีนในช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า แต่ยังไม่มีข้อมูลดังกล่าวในการรักษาโรคโควิด 19 จากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
นักวิจัยตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดลงวารสาร New England Journal of Medicine โดยสืบข้อมูลผู้ป่วยย้อนหลังจากฐานข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ของประเทศอิสราเอล จำแนกตามกลุ่มอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป พบว่า ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ขึ้นไปที่ได้รับยา Paxlovid มีอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาล 14 คนต่อแสนคน-วัน เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยาจำนวน 58 คนต่อแสนคน-วัน หรือน้อยกว่าถึงร้อยละ 73 (adjusted hazard ratio 0.27) และเมื่อเปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิต พบผู้ป่วยอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับยา Paxlovid เสียชีวิตจำนวน 19 คนต่อ 2,484 คนที่ได้รับยา แต่อีกกลุ่มมีการเสียชีวิตถึง 158 คนต่อ 40,337 คนที่ไม่ได้รับยา หรือลดลงร้อยละ 79 (adjusted hazard ratio 0.21) ในขณะเดียวกัน เมื่อวิเคราะห์กลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 40 – 64 ปี กลับไม่พบความแตกต่างทั้งอัตราการนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตระหว่างกลุ่มที่ได้รับยากับไม่ได้รับยา ทว่า นักวิจัยยังจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับประโยชน์ของยา Paxlovid ในผู้ป่วยอายุ 40 – 64 ปีที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำรุนแรงต่อไป ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ในรายละเอียดพบว่า อัตราการนอนโรงพยาบาลที่สูงในช่วงเวลาที่สายพันธุ์โอมิครอนระบาด มีความสัมพันธ์กับประวัติการนอนโรงพยาบาลครั้งก่อนหน้าและการที่ผู้ป่วยไม่มีภูมิต้านทานต่อโรคโควิด 19 มาก่อน
งานวิจัยนี้ให้ข้อมูลด้านบวกของการให้ยา Paxlovid แก่ผู้ป่วยสูงอายุโรคโควิด 19 ที่มีปัจจัยเสี่ยง และมีอาการรุนแรงน้อยถึงปานกลาง ซึ่งสามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้
เรียบเรียงโดย พญ. สลิล ศิรินาม
ข้อมูลจาก https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2204919