งานวิจัยใหม่ระบุ สตรีที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่ (Polycystic Ovarian Syndrome, PCOS) มีความเสี่ยงต่อโรคอื่น ๆ เพิ่มขึ้นโดยไม่ขึ้นกับดัชนีมวลกาย ซึ่งส่งผลต่อการใช้รักษาและการเข้ารับบริการทางสาธารณสุขมากขึ้น
โรคถุงน้ำรังไข่เป็นโรคทางระบบต่อมไร้ท่อและฮอร์โมนที่พบมากที่สุดในสตรีวัยเจริญพันธุ์ และถึงแม้โรคถุงน้ำรังไข่จะกระทบต่อระบบการสืบพันธุ์สตรีเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับกันว่า ผู้ป่วยโรคถุงน้ำรังไข่มีความเสี่ยงสูงต่อความผิดปกติของการเผาผลาญ หรือโรคทางเมตาบอลิก (Metabolic syndrome) เช่น โรคอ้วน ความผิดปกติของน้ำตาลอันนำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และอาจเป็นเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่น่าแปลกที่มีการศึกษาเพียงเล็กน้อยที่ประเมินโรคร่วมอื่น ๆ โดยรวมอย่างเป็นระบบในสตรีที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่
Linda Kujanpää และคณะรวบรวมข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามของประชากรที่เกิดในประเทศฟินแลนด์ตอนเหนือในปี ค.ศ. 1966 (Northern Finland Birth Cohort 1966) ซึ่งปัจจุบันอายุ 46 ปี ประกอบด้วยสตรีที่รายงานว่า มีปัญหาประจำเดือนมาน้อยหรือขาดประจำเดือนร่วมกับมีภาวะขนดก และหรือสตรีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคถุงน้ำรังไข่รวม 246 ราย เทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่มีอาการหรือไม่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่จำนวน 1,573 ราย แล้วติดตามผลเรื่องอาการต่าง ๆ การวินิจฉัยโรคอื่น ๆ รวมถึงการรักษา และการเข้ารับบริการทางสาธารณสุข พบว่า ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยโรคอื่น ๆ โดยรวมเพิ่มขึ้น 35% นำไปสู่การใช้ยารักษาเพิ่มขึ้น 27% ของสตรีกลุ่มที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่เมื่อเทียบกับสตรีกลุ่มควบคุม และความเสี่ยงดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับดัชนีมวลกาย ส่วนโรคที่พบมากขึ้นในกลุ่มสตรีที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่ซึ่งไม่เคยมีการรายงานมาก่อน ได้แก่ โรคไมเกรน ความดันโลหิตสูง เส้นเอ็นอักเสบ ข้อเสื่อม กระดูกหัก และเนื้องอกมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นต้น
ผลจากการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าโรคถุงน้ำรังไข่มีความสัมพันธ์กับหลายหลากการเจ็บป่วย ส่งผลต่อการรักษา การเข้ารับบริการทางสุขภาพ และค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น การศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตอาจช่วยสํารวจกลไกของความสัมพันธ์ดังกล่าวเพื่อการจัดการกับโรคโดยรวมได้ดียิ่งขึ้น
- https://www.medscape.com/viewarticle/975263#vp_1
- https://obgyn.onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/aogs.14382