การใช้ยาลดระดับไขมัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับความแรงของยา เพื่อให้ระดับไขมัน LDL อยู่ในช่วง 50 – 70 mg/dL ซึ่งเป็นเป้าหมายในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจไม่ได้ด้อยไปกว่าการได้รับกลุ่มยา statin ที่มีความแรงสูง
ผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอุบัติการณ์ในโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่ม แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาในปัจจุบันมีบางแนวทางแนะนำให้รักษาด้วยกลุ่มยา statin ที่มีระดับความแรงสูงเพื่อระดับไขมัน LDL ลงอย่างน้อย 50% ส่วนอีกวิธีคือการเริ่มต้นด้วยยากลุ่ม statin ที่มีระดับความแรงปานกลางและปรับขนาดยาให้ระดับไขมัน LDL อยู่ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลว่าแนวทางใดเหมาะสมกว่ากัน
การศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมจาก 12 สถาบันในประเทศเกาหลีใต้ ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ระหว่างช่วง 9 กันยายน 2016 ติดตามจนถึง 26 ตุลาคม 2022 ศึกษาการได้รับยาโดยเน้นเป้าหมายระดับไขมัน LDL เป็นหลัก (ไม่ขึ้นอยู่กับความแรงของยา statin) ไม่ได้ด้อยไปกว่าการได้รับยา statin ที่มีความแรงสูง ในด้านการเสียชีวิต การเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคหลอดเลือดสมอง หรือได้รับการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจซ้ำ โดย ติดตาม 3 ปี ได้ทำการสุ่มผู้ป่วยเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกรักษาให้ระดับไขมัน LDL อยู่ในเป้าหมายช่วง 50-70 mg/dL กลุ่มที่สอง ให้ยา statin ที่มีความแรงสูง (Rosuvastatin 20 mg หรือ Atorvastatin 40 mg) ผลการศึกษา พบว่า จากผู้ป่วย 4,400 คน ได้รับการติดตามอย่างครบถ้วนจนจบการศึกษา 4,341 คน (98.7%) อายุเฉลี่ย 65.1 ปี เป็นเพศหญิง 1,228 คน (27.9%) ระดับไขมัน LDL เฉลี่ยในช่วงสามปี คือ 69.1 mg/dL และ 68.4 mg/dL ในกลุ่มที่รักษาให้ระดับไขมัน LDL อยู่ในเป้าหมาย และกลุ่มที่ได้รับยา statin ความแรงสูงตามลำดับ มีการเกิดการเสียชีวิต การเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคหลอดเลือดสมอง หรือได้รับการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจซ้ำ 177 คน (8.1%) ในกลุ่มที่รักษาให้ระดับไขมัน LDL อยู่ในเป้าหมาย และ 190 คน (8.7%) ในกลุ่มที่ได้รับยา statin ความแรงสูง โดยมีนัยสำคัญทางสถิติในด้านการไม่ได้ด้อยกว่า
ในการรักษาระดับไขมัน LDL ให้ได้เป้าหมาย 50-70 mg/dL ในผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจไม่ได้ด้อยกว่าการรักษาด้วยยา statin ความแรงสูง ในด้านการลดการเสียชีวิตในช่วง 3 ปี การเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมอง หรือได้รับการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจซ้ำ ดังนั้นการจะใช้วิธีใดในการรักษาผู้ป่วยสามารถปรับให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล
เรียบเรียงโดย พญ. สุภัทรา จงศิริกุล
ข้อมูลจาก https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36877807/