การศึกษาครั้งแรกในแอฟริกา พบว่า Typbar TCV® วัคซีนคอนจูเกตไทฟอยด์เพียงครั้งเดียว (typhoid conjugate vaccine; TCV) ให้ประสิทธิภาพที่ดีในการป้องกันไข้ไทฟอยด์ในเด็กอายุ 9 เดือนถึง 12 ปี ตามการศึกษาใหม่ที่ดำเนินการโดยนักวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland School of Medicine’s; UMSOM) ศูนย์การพัฒนาวัคซีนและสุขภาพโลก (Center for Vaccine Development and Global Health; CVD) และนำโดยพันธมิตรในประเทศที่โครงการวิจัยทางคลินิก Malawi-Liverpool Wellcome Trust (MLW)
ไข้ไทฟอยด์ (Typhoid fever) ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยแก่ผู้คนมากกว่า 9 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 110,000 รายทั่วโลกทุกปี ส่วนใหญ่อยู่ในอนุภูมิภาคทะเลทรายซาฮาราของแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโรคนี้ คือ การติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อจากการบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่ปนเปื้อนทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้แก่ คลื่นไส้ มีไข้ และปวดท้อง ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจถึงแก่ชีวิตได้
ผลการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 3 ของวัคซีนได้รับการเผยแพร่ใน The Lancet เผยว่า ทีมวิจัยได้ลงทะเบียนเด็กที่มีสุขภาพดีมากกว่า 28,000 คนในประเทศมาลาวี และสุ่มให้ประมาณครึ่งหนึ่งได้รับ TCV และอีกครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีน meningococcal capsular group A conjugate (MenA) ของไข้กาฬหลังแอ่น ในระหว่างการติดตามผลนานกว่า 4 ปี พบว่า เด็ก 24 คนในกลุ่ม TCV และ 110 คนในกลุ่ม MenA เป็นไข้ไทฟอยด์ ซึ่งได้รับการยืนยันผ่านการเพาะเชื้อในเลือด ผลทางด้านประสิทธิภาพการป้องกันโรค พบว่า มีถึง ร้อยละ 78.3 ในกลุ่มรับ TCV โดยป้องกันไทฟอยด์ได้ 1 ต่อเด็ก 163 คน ที่ได้รับวัคซีน TCV ทั้งนี้ วัคซีนมีประสิทธิภาพในทุกกลุ่มอายุ และตลอดระยะเวลาการศึกษาซึ่งสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2565 ประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงแข็งแกร่ง โดยลดลงเพียงร้อยละ 1.3 ต่อปีเท่านั้น ต่อมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 รัฐบาลมาลาวีได้เปิดตัววัคซีน TCV ให้บรรจุอยู่วัคซีนระดับชาติสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และนับจากนี้ไปเด็กทุกคนในมาลาวีจะได้รับวัคซีน TCV เมื่ออายุ 9 เดือน โดยเป็นส่วนหนึ่งของตารางการฉีดวัคซีนตามปกติ
การศึกษาที่ตีพิมพ์ใหม่นี้เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีของการฉีด TCV เพียงครั้งเดียว แม้แต่ในเด็กที่อายุน้อยที่สุด และเสนอความหวังในการป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ในเด็กที่อาจมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เรียบเรียงโดย พญ. พนิดา วิจารณ์
ข้อมูลจาก www.sciencedaily.com/releases/2024/01/240126001934.htm