ภายหลังจากการที่รัฐบาลได้ผ่านกฎหมายที่ให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย อุบัติการณ์การตรวจพบสารประกอบเตตราไฮโดรแคนนาบินอยด์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของกัญชาในผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุทางจราจรเพิ่มสูงขึ้นสองเท่าในแคนาดา โดยส่วนใหญ่พบในกลุ่มผู้ขับที่สูงอายุและผู้ขับเพศชาย
กัญชาถือเป็นสารเคมีที่ใช้ในการเสพย์เพื่อความบันเทิงชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากเป็นอันดับสองรองจากแอลกอฮอล์ และหลายประเทศทั่วโลกกำลังออกกฎหมายให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยประเทศแคนาดาได้ขึ้นทะเบียนกัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายนอกเหนือจากการใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2018 แต่ยังคงมีกฎหมายห้ามเสพย์สิ่งของมึนเมาและสารต่าง ๆ เวลาขับรถซึ่งสามารถพิสูจน์ได้โดยการตรวจหาสาร THC หรือ เตตระไฮโดรแคนนาบินอยด์ ซึ่งค่าผิดปกติอยู่ที่มากกว่า 2 นาโนกรัมต่อซีซี
การศึกษาจาก University of British Columbia ในประเทศแคนาดา ได้ทำการเก็บรวบรวมผลเลือดจากคนขับรถผู้ประสบอุบัติเหตุและส่งตัวมารักษาที่แผนผู้ป่วยอุบัติเหตุทั้งหมดสี่แห่งจำนวน 4,409 ราย และทำการวิเคราะห์ผลเลือดที่วัดระดับสาร THC, แอลกอฮอล์ และสารเสพย์ติดอื่นๆ โดยแบ่งเป็น ผู้ป่วย 3,550 คน มีผลตรวจเลือดก่อนการผ่านกฎหมายที่ให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ 789 รายหลังกฎหมายได้ผ่านการขึ้นทะเบียนกัญชาเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อเปรียบเทียบระหว่างสองช่วงเวลาคือ ก่อนและหลังการขึ้นทะเบียนให้กัญชาถูกกฎหมายนั้น ในช่วงก่อนการขึ้นทะเบียนให้กัญชาถูกกฎหมาย มีคนไข้ 325 คนจาก 3,550 คนที่ตรวจพบระดับสาร THC เกินขนาดในเลือด (คิดเป็น 9.2%) ซึ่งน้อยกว่าช่วงหลังการขึ้นทะเบียนกัญชาซึ่งมีผู้ป่วย 141 คนจาก 789 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 17.9 ที่ตรวจพบระดับ THC ในเลือดสูงกว่าค่าปกติ โดยสัดส่วนของผู้ที่ใช้กัญชาเพิ่มขึ้นเปรียบเทียบในสองช่วงเวลานั้น คือ กลุ่มที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โดยเพิ่มขึ้นถึง 5.18 เท่า และ เพศชาย มากกว่า เพศหญิง 2.44 เท่า กระนั้นไม่พบความแตกต่างของการใช้แอลกอฮอล์
จากการศึกษาข้างต้นจะเห็นว่ามี อุบัติการณ์การใช้กัญหาที่เพิ่มขึ้นนั้น ทางหน่วยงานสาธารณสุขอาจต้องมีมาตรการการให้ความรู้ถึงผลกระทบของการใช้สารประเภทกัญชา ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางจราจรได้มากขึ้น
เรียบเรียงโดย นพ. วิชล ลิ้มพัฒนาชาติ
ข้อมูลจาก https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/nejmsa2109371