ระบบระบายอากาศภายในอาคารที่ดี เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หลาย ๆ ประเทศยกเลิกการใส่หน้ากากอนามัย อาคารส่วนใหญ่ยังคงมีปัญหาในการปรับปรุงระบบระบายอากาศในอาคาร เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
ระบบระบายอากาศที่ดีจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อที่ติดต่อทางระบบหายใจได้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำเนียบขาวหันมาให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบระบายอากาศ ประกาศให้โรงเรียนและสถานที่ทำงานต่าง ๆ ปรับปรุงระบบระบายอากาศอย่างจริงจัง ทั้งการทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และการออกแนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนให้ช่วยกันดูแลสภาพอากาศในอาคารบ้านเรือน
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำ ถึงการป้องกันโควิด สิ่งสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ 1. การฉีดวัคซีน 2. การใส่หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพและใส่อย่างถูกวิธี และ 3. การมีระบบระบายอากาศในอาคารที่ดี ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) บอกว่า การใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น และใช้เครื่องกรอง HEPA จะสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อได้ถึง 90% หลักการของการระบายอากาศในอาคาร คือ ต้องเอาอากาศเก่าออกให้ได้มากที่สุด แทนที่ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์จากภายนอก ผ่านเครื่องกรองประสิทธิภาพสูง และบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ การหมุนเวียนอากาศ 5 ครั้งต่อชั่วโมง สามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อลง 50% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอาคารส่วนใหญ่ในอเมริกามีการหมุนเวียนอากาศ 1 – 2 ครั้งต่อชั่วโมง และยังไม่ค่อยมีการปรับปรุงมากนัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง ใช้พลังงานมาก และมีผู้กังวลเรื่องการเพิ่มของก๊าซเรือนกระจก โรงเรียนแห่งหนึ่งในจอร์เจีย ทำการปรับปรุงระบบระบายอากาศ และพบว่าอัตราการติดเชื้อของเด็กนักเรียนลดลง มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าระบบระบายอากาศที่ดี ส่งผลดีหลายด้าน เช่น ทำให้เด็กทำคะแนนสอบได้ดีขึ้น เด็กขาดเรียนน้อยลง ประสิทธิภาพในการทำงานของคนดีขึ้น
ในประเทศไทยที่เริ่มลดการใส่หน้ากากอนามัยแล้ว ต้องให้ความสนใจกับระบบระบายอากาศ การปรับปรุงระบบระบายอากาศในอาคาร ที่ทำงาน และโรงเรียน ควรได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชน
เรียบเรียงโดย พญ. เชิญขวัญ ฐิติรุ่งเรือง
ข้อมูลจาก https://www.medscape.com/viewarticle/972363