CIMjournal
banner เด็กอ้วน เด็กเบาหวาน 2

Tirzepatide กับการลดน้ำหนักที่ไม่เคยมียาใดทำได้มาก่อน


ผลลัพธ์เรื่องการลดน้ำหนักหลังการใช้ยา
tirzepatide นั้นน่าทึ่ง และอาจเป็นจุดเปลี่ยนการรักษาโรคอ้วนต่อไป ผลการวิจัยพบว่า tirzepatide ทำให้น้ำหนักลดได้เทียบเท่า หรือเหนือกว่าการผ่าตัดตัดต่อลำไส้เพื่อลดน้ำหนัก (bariatric surgery) แม้จะไม่ได้มีการเปรียบเทียบโดยตรง

โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยระยะยาวในหลายระบบ และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตทั่วโลก ส่วนการรักษาที่ครองแชมป์ในการลดน้ำหนักนั้นยังคงต้องพึ่งการผ่าตัดตัดต่อลำไส้เพื่อลดการดูดซึมของสารอาหาร จึงเป็นที่มาของงานวิจัยซึ่งหาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา tirzepatide ที่เป็น dual incretin ตัวแรก โดยมีโครงสร้างโมเลกุลที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นทั้ง glucagon-like protein-1 (GLP-1) receptor และ glucose-dependent insulinotropic polypeptide (GIP) จากลำไส้ของมนุษย์

Ania M. Jastreboff และคณะ ร่วมกับนักวิจัยจากทีม SURMOUNT-1 ทำการศึกษาระยะที่ 3 ถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของยา tirzepatide เพื่อลดน้ำหนักในผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 30 กก./ม.2 หรือ มากกว่าหรือเท่ากับ 27 กก./ม.2 ร่วมกับมีภาวะแทรกซ้อนจากน้ำหนักเกิน จำนวน 2,539 ราย ซึ่งมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 104.8 กก. โดยทำการสุ่มแบ่งผู้เข้าร่วมวิจัยเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้ยา tirzepatide ขนาด 5 มก., 10 มก., 15 มก. และยาหลอกฉีดเข้าใต้ผิวหนังทุกสัปดาห์เป็นเวลา 72 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักเฉลี่ยลดลง คือ -15%  -19%  -20.9% และ -3.1% เมื่อสิ้นสุดการศึกษา ในกลุ่มที่ได้รับ tirzepatide ขนาด 5มก. 10 มก. 15 มก. และยาหลอกตามลำดับ อีกทั้งยังพบผลดีในเรื่องของ cardiometabolic ในกลุ่มที่ได้รับยา tirzepatide สำหรับอาการข้างเคียงคือคลื่นไส้อาเจียนในกลุ่มที่ได้รับ tirzepatide ส่วนใหญ่รุนแรงเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างปรับเพิ่มขนาดยา โดยเป็นเหตุให้ต้องหยุดการรักษาเท่ากับ 4.3%, 7.1%, 6.2% และ 2.6% ของกลุ่มที่ได้รับยา tirzepatide ขนาด 5 มก., 10 มก., และ 15 มก. และยาหลอกตามลําดับ

จากผลงานวิจัยพบประสิทธิภาพการลดน้ำหนักเมื่อใช้ยา tirzepatide สามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 20% จากน้ำหนักตั้งต้น หรือประมาณ 24 กก. จาก 105 กก. และผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง นับเป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางใหม่ในการรักษาโรคอ้วนต่อไป

 

เรียบเรียงโดย พญ. นิษฐา ปรุงวิทยา
ข้อมูลจาก
  1. https://www.medscape.com/viewarticle/975061#vp_1
  2. https://www.nejm.org/doi/suppl/10.1056/NEJMoa2206038/suppl_file/nejmoa2206038_appendix.pdf

 

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก