CIMjournal
banner โรคไตทั่วไป 2

New eGFR Evaluation in CKD Population 2021: eGFR Formula


นพ. พฤทธิ์ คูศิริสินอ.นพ. พฤทธิ์ คูศิริสิน
หน่วยวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

.
สรุปเนื้อหางานประชุมวิชาการ CKD weekend 2022 วันที่ 7 พฤษภาคม 2565

 

ในปี ค.ศ. 2020 สมาคมโรคไตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (American Society of Nephrology; ASN) และมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (National Kidney Foundation; NKF) ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานในการประเมินซ้ำเรื่องการนำเชื้อชาติมาใช้ในการวินิจฉัยโรคไต เนื่องจากในปัจจุบันมีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับความแตกต่างทางเชื้อชาติทั่วโลก นำไปสู่การปรับสูตรที่ใช้ในการคำนวณอัตราการกรองของไต (Glomerular filtration rate; GFR) ในบทความนี้จะกล่าวถึงข้อมูลล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน


ความสำคัญของอัตราการกรองของไตในโรคไตเรื้อรัง

GFR มีความสำคัญมากในการประเมินผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease; CKD) สามารถแบ่งการนำค่า GFR มาใช้ประโยชน์ได้ 3 กรณี ดังนี้

  1. การวินิจฉัย ค่า GFR ใช้เป็นเกณฑ์หนึ่งในการวินิจฉัย CKD และยังใช้ในการประเมินการทำงานของไตในผู้บริจาคไตได้ ซึ่งค่า GFR ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จะทำให้วินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลันและการดำเนินระยะของ CKD ได้อีกด้วย
  2. การพยากรณ์โรค ค่า GFR สามารถใช้ประเมินภาวะแทรกซ้อนทางโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตตามระยะของ CKD ที่เปลี่ยนแปลงไปได้
  3. การรักษา การใช้ GFR สามารถบ่งบอกระยะของ CKD ที่ผู้ป่วยกำลังเป็นอยู่ และหากอยู่ในระยะท้ายของโรค ผู้ป่วยก็จะได้รับการรักษาตามระยะนั้นๆ และค่า GFR ยังมีความสำคัญในการใช้ปรับขนาดยาและติดตามการใช้ยา ตลอดจนนำมาใช้เป็นเกณฑ์การคัดเลือกอาสาสมัครเข้าร่วมในงานวิจัยอีกด้วย

ดังนั้น จะเห็นได้ชัดว่า GFR จำเป็นต้องมีความแม่นยำ (Accuracy) และมีความเที่ยงตรง (Precision) เป็นอย่างมาก เพราะหาก GFR ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (Underestimate GFR) จะทำให้มีการวินิจฉัย CKD ที่มากเกินไป ทำให้ผู้ป่วยพลาดโอกาสที่จะได้รับยาหรือปรับขนาดยาต่ำกว่าที่ควรจะได้รับ และอาจได้รับการรักษาบำบัดทดแทนไตก่อนที่ควรจะเป็น ตลอดจนอาจถูกปฏิเสธจากการได้เป็นผู้บริจาคไตอีกด้วย ในทางตรงกันข้าม ค่า GFR ที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น (Overestimate GFR) จะทำให้การวินิจฉัย CKD ต่ำกว่าที่ควร ทำให้ผู้ป่วยอาจะได้รับการรักษาด้วยขนาดยาที่มากเกินไป ได้รับการรักษาบำบัดทดแทนไตช้าเกินไป ตลอดจนได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตที่ไม่เหมาะสม


วิธีการประเมินอัตราการกรองของไต

การประเมิน GFR ในปัจจุบัน ทำได้ 2 วิธี คือ การวัดโดยตรง (Direct measure GFR; mGFR) ผ่านการฉีดสารภายนอกที่จะถูกขับออกทางไตเกือบทั้งหมด เช่น inulin, iothalamate, 51Cr-EDTA, 99mTc-DTPA หรือ iohexol เป็นต้น โดยคำนวณการขับสารนั้นๆ จากการตรวจระดับของสารในเลือดและปัสสาวะ แต่การวัดด้วยวิธีนี้ทำได้ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน จึงมักใช้ในการตรวจเพื่อยืนยันกรณีที่การวัดด้วยวิธีปกติแล้วค่าไม่แน่นอนมากกว่า สำหรับการตรวจอีกวิธีจะเป็นการประมาณค่า GFR (Estimated GFR; eGFR) จากการตรวจระดับของสารที่ร่างกายสร้างขึ้นและขับออกทางปัสสาวะ ได้แก่ creatinine และ cystatin C แล้วนำมาคำนวณด้วยสูตรที่มีการพิสูจน์ว่ามีความแม่นยำและเที่ยงตรงในทางคลินิก ได้แก่ สูตรของ Cockcroft-Gault (ค.ศ. 1976), สมการ MDRD (Modification of Diet in Renal Disease) (ค.ศ. 1999) และสมการ CKD-EPI (CKD-Epidemiology collaboration) (ค.ศ. 2009 และ 2012) ดังแสดงในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 แสดงสูตรที่ใช้ในการคำนวณอัตราการกรองของไตNew-eGFR-Evaluation-in-CKD

สูตรอัตราการกรองของไตใหม่

จากตารางที่ 1 จะเห็นว่าสมการ MDRD และ CKD-EPI มีการนำเชื้อชาติมาใช้เป็นตัวแปรในสมการด้วย ซึ่งหากมีผิวดำ จะทำให้ eGFR ที่คำนวณได้มีค่าสูงกว่าคนผิวขาว จึงอาจทำให้คนผิวดำได้รับการวินิจฉัย CKD น้อยกว่าที่ควร รวมไปถึงได้รับการรักษาบำบัดทดแทนไตหรือได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตช้ากว่าที่ควรจะเป็น (ตารางที่ 2) นอกจากนี้ นิยามของผิวดำยังไม่ชัดเจนว่าหมายถึงเชื้อชาติ African-American เท่านั้นหรือไม่ เพราะมีข้อมูลการใช้สมการ CKD-EPI ในหลายประเทศของแต่ละภูมิภาคทั่วโลกพบว่ามีความแตกต่างจากการตรวจด้วยวิธี mGFR อยู่พอควร จึงเป็นที่มาในการเรียกร้องให้มีการพิจารณานำเชื้อชาติออกจากสมการ ทำให้ NKF/ASN ได้ตั้งคณะทำงานด้านนี้ขึ้นและมีงานวิจัยขนาดใหญ่มา 2 ชิ้นในปี ค.ศ. 2021

การศึกษาแรก เป็นการนำข้อมูลจากการศึกษา CRIC (Chronic Renal Insufficiency Cohort) ซึ่งเป็นการวิจัยแบบสังเกตไปข้างหน้าจากหลายศูนย์ของผู้ป่วย CKD ในผู้ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 1,248 ราย โดยศึกษาความแม่นยำของสูตร eGFR หากนำเชื้อชาติออกไป ซึ่งมีการตรวจยืนยันเชื้อชาติด้วยการตรวจยีนบรรพบุรุษ African เทียบค่า eGFR ที่คำนวณได้กับการตรวจ mGFR โดยการฉีดสาร 125I-iothalamate พบว่า สมการ CKD-EPI ที่ใช้ค่า creatinine จะทำให้คนผิวดำมีความแตกต่างของ GFR ถึง 3.99 mL/min/1.73 m2 เทียบกับผิวขาวที่แตกต่างเพียง -0.92 mL/min/1.73 m2 แม้จะตัดปัจจัยอื่นที่มีผลต่อ creatinine ออกก็ยังคงให้ผลเช่นเดิม แต่เมื่อนำเชื้อชาติหรือบรรพบุรุษ African มาคำนวณด้วย จะทำให้ความแตกต่างของค่า GFR ในคนผิวดำและผิวขาวใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ การนำเชื้อชาติออกจากสมการ CKD-EPI ที่ใช้ค่า cystatin C ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างของค่า eGFR ระหว่างคนผิวดำและผิวขาว จึงสรุปได้ว่า หากจะใช้สมการ CKD-EPI เดิมโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ควรใช้สมการที่ใช้ค่า cystatin C มากกว่า

อีกการศึกษาหนึ่ง เป็นการใช้ข้อมูลจากสมการ CKD-EPI 2009 แล้วนำตัวแปรเชื้อชาติออกไปปรับเป็นสมการใหม่ จากนั้นจึงคำนวณความแตกต่างของค่า eGFR กับ mGFR ออกมาเป็นค่า bias และทำการตรวจสอบความแม่นยำจากจำนวนคนที่อยู่ในช่วงเปอร์เซนไทล์ที่ 30 (P30) พบว่า สมการที่ใช้ creatinine มี bias ในคนผิวดำ 3.6 mL/min/1.73 m2 ส่วนคนผิวขาว -3.9 mL/min/1.73 m2 และมี P30 87% เทียบกับ 86% ตามลำดับ ซึ่งทำให้วินิจฉัย CKD ในคนผิวดำได้มากขึ้นถึงประมาณ 7 แสนราย และลดการวินิจฉัย CKD ในคนผิวขาวได้ถึง 3 ล้านราย นอกจากนี้ ในสมการที่ใช้ creatinine และ cystatin C พบว่ามี bias ในคนผิวดำ 0.1 mL/min/1.73 m2 และ -2.9 mL/min/1.73 m2 ในคนผิวขาว โดย P30 อยู่ที่ 91% เท่ากันทั้งสองกลุ่ม ซึ่งในสมการนี้ แม้จะไม่มีความแตกต่างในการวินิจฉัย CKD ในคนผิวดำ แต่สามารถลดการวินิจฉัย CKD ในคนผิวขาวได้เกือบ 2 ล้านราย ซึ่งการคำนวณ eGFR ด้วยสมการใหม่ทั้งหมดนี้ ได้ผลสอดคล้องไปในทางเดียวกันทั้งกลุ่มที่ eGFR <60 และ <45 mL/min/1.73 m2 แต่ในกลุ่มที่ eGFR <30 mL/min/1.73 m2 ยังไม่มีความแตกต่างจากสมการเดิมมากนัก จึงสรุปได้ว่า สมการ CKD-EPI 2021 ใหม่ที่รวมทั้ง creatinine และ cystatin C โดยปราศจากเชื้อชาติ จะทำให้เกิดความแม่นยำมากขึ้นและมีความแตกต่างระหว่างผิวดำและผิวขาวลดลงกว่าการใช้สมการที่มีเพียง creatinine หรือ cystatin C เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง

ตารางที่ 2 แสดงค่า eGFR จากการคำนวณด้วยสมการต่าง ๆNew-eGFR-Evaluation-in-CKD

สรุป

จากการศึกษาดังกล่าว ทำให้ทาง NKF/ASN แนะนำให้ใช้สมการ CKD-EPI 2021 ใหม่ที่ไม่มีการนำเชื้อชาติเข้ามาพิจารณานี้ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และได้แนะนำให้ใช้ cystatin C ในการยืนยัน eGFR ในการตัดสินใจทางคลินิกเพิ่มขึ้น ในอนาคตหากมีการคิดค้นหาสารใหม่มาใช้หาค่า eGFR ให้ยุติการใช้เชื้อชาติเข้ามาเป็นปัจจัย และแนะนำให้ผู้มีส่วนได้เสียได้นำสมการใหม่นี้มาใช้ในวางแผนทางโรคไตต่อไป

 

เอกสารอ้างอิง
  1. Hsu CY, Yang W, Parikh RV, Anderson AH, Chen TK, Cohen DL, He J, et al. CRIC Study Investigators. Race, Genetic Ancestry, and Estimating Kidney Function in CKD. N Engl J Med. 2021 Nov 4;385(19):1750-1760.
  2. Inker LA, Eneanya ND, Coresh J, Tighiouart H, Wang D, Sang Y, Crews DC, et al.; Chronic Kidney Disease Epidemiology Collaboration. New Creatinine- and Cystatin C-Based Equations to Estimate GFR without Race. N Engl J Med. 2021 Nov 4;385(19):1737-1749.

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก