CIMjournal

การสร้างภูมิคุ้มกันแก่หญิงตั้งครรภ์ โดยการให้วัคซีน

นพ. พนิต ทักขิญเสถียร
สาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

สรุปเนื้อหาจากการอบรมระยะสั้น Update on Pediatric Infectious Diseases 2018 จัดโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561

 

ในปัจจุบันมีการระบาดของโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนเกิดขึ้นมากมาย เช่น โรคไอกรน ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น หญิงตั้งครรภ์ และทารกเกิดใหม่ที่ยังไม่สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคเหล่านี้จึงถือเป็นประชากรที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ จึงมีความพยายามในการกำหนดแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว


การให้วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน

ปี พ.ศ. 2555 ACIP ได้มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีน Tdap แก่หญิงตั้งครรภ์ทุกราย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในมารดาให้สูงพอที่จะผ่านรกไปสู่ทารกเกิดใหม่ซึ่งภูมิคุ้มกันดังกล่าวจะสามารถป้องกันโรคไอกรนในทารกจนกระทั่งเติบโตจนถึงอายุที่สามารถรับวัคซีนได้ อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้มารดามีการติดเชื้อไอกรนในช่วงคลอด และหลังคลอด ทำให้ลดโอกาสที่ทารกจะรับเชื้อ โดยแนะนำให้ฉีดในช่วงอายุครรภ์ 27 – 36 สัปดาห์แก่หญิงตั้งครรภ์ทุกรายโดยไม่ต้องคำนึงถึงประวัติการได้รับวัคซีนครบมาก่อน และจำเป็นที่จะต้องให้วัคซีนในทุกครั้งของการตั้งครรภ์

ในรายที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักคอตีบ ไอกรนมาก่อน หรือได้รับไม่ครบ ควรได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และคอตีบ (Td) 3 เข็มที่ 0, 4 สัปดาห์และ 6 – 12 เดือน โดยให้ฉีดวัคซีน Tdap ทดแทน Td 1 เข็มในช่วงอายุครรภ์ 27 – 36 สัปดาห์

ในกรณีที่มารดาเป็นแผลที่มีความเสี่ยงต่อการติดบาดทะยัก หากได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักมานานเกิน 5 ปี แพทย์ควรให้วัคซีน Td หรือ Tdap ทันที แต่ถ้าอยู่ในช่วงอายุครรภ์ 27 – 36 สัปดาห์ควรเลือกให้วัคซีน Tdap แทน

นอกจากนี้ ทาง ACIP ยังแนะนำถึง “cocooning strategy” ที่แนะนำให้ฉีดวัคซีน Tdap แก่สมาชิกภายในบ้านและบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ดูแลคนอื่น ๆ ที่ต้องเลี้ยงดูทารกเกิดใหม่ เพื่อลดโอกาสการเกิดการถ่ายทอดเชื้อสู่ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน

ตารางที่ 1 คำแนะนำในการให้วัคซีนแต่ละชนิดแก่หญิงตั้งครรภ์

การให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

หญิงตั้งครรภ์ และทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือนจัดเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด เป็นสาเหตุของการนอนโรงพยาบาล ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ สมองอักเสบ รวมถึงเสียชีวิตในเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน

ACIP จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อตายแก่หญิงทุกรายที่กำลังตั้งครรภ์ โดยสามารถฉีดได้ในทุกช่วงอายุครรภ์ เหตุผลที่จำเป็นต้องให้วัคซีนทุกครั้งของการตั้งครรภ์เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัดใหญ่ลดลงค่อนข้างเร็วภายหลังการฉีดวัคซีน อีกทั้งสายพันธุ์ที่มีการระบาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทุกปี


วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

ในบางกรณีที่หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีระหว่างตั้งครรภ์ และมารดาไม่มีภูมิต่อโรคมาก่อน แพทย์ควรพิจารณาให้วัคซีนตามความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์ ได้แก่ การมีคู่นอนหลายคนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีประวัติตรวจพบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีประวัติการใช้ยาเสพติด หรือการมีคู่นอนเป็นพาหะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยการให้วัคซีนจะไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากวัคซีนเป็น noninfectious HBsAg


วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม

เนื่องจากกลุ่มโรคอาการหัดเยอรมันแต่กำเนิด (congenital rubella syndrome) มีความรุนแรง และพบบ่อยเป็นสาเหตุของการแท้ง ความผิดปกติอย่างถาวรในทารก เช่น ต้อกระจก ตาเล็ก โรคหัวใจแต่กำเนิด ศีรษะเล็ก พัฒนาการช้า กระดูกผิดปกติ เป็นต้น แต่การให้วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูมถือเป็นข้อห้ามในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่วางแผนจะมีบุตรเนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับวัคซีนนี้โดยบังเอิญระหว่างการตั้งครรภ์ก็ยังไม่ถือเป็นข้อบ่งชี้ในการยุติการตั้งครรภ์เนื่องจากในทางทฤษฎีมีโอกาสเกิดความผิดปกติในทารกในครรภ์ ร้อยละ 1.3 – 1.6 ดังนั้น จึงแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนนี้แก่หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่ไม่มีหลักฐานภูมิตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 28 วัน หรือควรมีการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรคหัดเยอรมันในระหว่างการฝากท้อง ถ้าตรวจไม่พบว่ามีภูมิควรให้วัคซีนทันทีหลังจากคลอด ก่อนการจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล การให้วัคซีนนี้ในระหว่างการให้นมบุตรมีความปลอดภัย สามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ


วัคซีนป้องกันโรคไข้สุกใส

วัคซีนป้องกันโรคไข้สุกใสถือเป็นข้อห้ามสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็นหญิงวัยเจริญพันธุ์ควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ หรือควรคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 – 3 เดือนนับจากวันที่รับวัคซีน

เนื่องจากการติดเชื้อโรคไข้สุกใสตามธรรมชาติในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์น้อยกว่า 20 สัปดาห์ มีโอกาสทำให้เกิดความผิดปกติในทารก (congenital varicella syndrome) ประมาณร้อยละ 1 – 2 อาการ ดังนั้น ควรให้วัคซีนป้องกันไข้สุกใสแก่หญิงวัยเจริญพันธุ์ทุกรายที่ไม่มีภูมิโดยให้ 2 เข็มห่างกัน 4 – 8 สัปดาห์ และต้องให้ก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 28 วัน หรือหากทำไม่ได้ควรให้หลังคลอดก่อนจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล และอีก 1 เข็มห่างกัน 4 – 8 สัปดาห์ โดยสามารถให้นมบุตรได้อย่างปลอดภัย ส่วนการรับวัคซีนป้องกันไข้สุกใสระหว่างการตั้งครรภ์หรือก่อนหน้าการตั้งครรภ์ไม่ถึง 28 วัน โดยบังเอิญไม่เป็นข้อบ่งชี้ในการยุติการตั้งครรภ์แต่ควรมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลจากวัคซีน

 

เอกสารอ้างอิง

  1. CDC. Updated recommendations for use of tetanus toxoid, reduced diphtheria toxoid, and acellularpertussis vaccine (Tdap) in pregnant women–Advisory Committee on Immunization Practices (ACIP), 2012. MMWR Morb Mortal Wkly Rep. 2013;62:131-5.
  2. American academy of Pediatrics. Kimberlin DW, Brady MT, Jackson MA, Long SS, eds. Red book: 2015 report of the Committee on Infectious Disease. 30th ed. Elk Grove Village, IL: American academy of Pediatrics; 2015.
  3. Mast EE, Margolis HS, Fiore AE, et al. A comprehensive immunization strategy to eliminate transmission of hepatitis B virus infection in the United States: recommendations of the Advisory Committee on Immunization Practices (ACIP) part 1: immunization of infants, children, and adolescents. MMWR Recomm Rep. 2005;54(RR-16):1-31.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก