ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกคำแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 สำหรับเด็กและวัยรุ่น อายุตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ในฉบับที่ 2 วันที่ 7 กันยายน 2564 มีข้อแนะนำหลายข้อ โดยหนึ่งในข้อแนะนำ คือ ให้ฉีดวัคซีนตัวที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาเท่านั้น
ซึ่งขณะนั้นวัคซีนที่ได้รับการรับรอง คือ วัคซีนชนิด mRNA ของบริษัท Pfizer BioNTech ต่อมา 10 กันยายน 2564 มีวัคซีน mRNA ของ Moderna ได้รับการรับรองเพิ่มเติม และในวันที่ 22 กันยายน 2564 ได้มีการออกคำแนะนำฉบับที่ 3 มีรายละเอียดติดตามได้จากเอกสารคำแนะนำ www.thaipediatrics.org สรุปในเบื้องต้น ได้ดังนี้
ผู้ใดควรได้รับวัคซีน
- การให้วัคซีนป้องกันโควิด 19 ในเด็กและวัยรุ่นในระยะแรก ได้กำหนดให้ผู้ที่มีโรคประจำตัว มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิด 19 ที่มีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้ เป็นผู้ที่มีความเร่งด่วนในการได้รับวัคซีนชนิด mRNA ของบริษัท Pfizer BioNTech จำนวน 2 เข็ม ห่าง 3 สัปดาห์ขึ้นไป ได้แก่ 1) เด็กและวัยรุ่น อายุ 16 – 18 ปี ทุกรายที่ไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีน 2) เด็ก อายุ 12 – 16 ปี ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีโรคประจำตัว ที่อาจเกิดโควิด 19 รุนแรงจนเสียชีวิตได้ เช่น ผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวานและโรคทางพันธุกรรม
- เด็กและวัยรุ่นที่มีสุขภาพดี อายุ 12 – 16 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิด mRNA ของ Pfizer BioNTech โดยเด็กและวัยรุ่นชายรับวัคซีนเข็ม 1 และชะลอการให้วัคซีนเข็มที่ 2 ไปก่อน จนกว่าจะมีคำแนะนำเพิ่มเติม เนื่องจากกลุ่มนี้การฉีดเข็ม 2 มีความเสี่ยงกว่าฉีดเข็มแรก ส่วนเด็กและวัยรุ่นหญิงสามารถรับวัคซีน 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 3 สัปดาห์
คำแนะนำเพิ่มเติม
นอกจากคำแนะนำเรื่องประเภทวัคซีน ผู้ที่ควรได้รับวัคซีน จำนวนเข็ม และระยะห่างของวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 2 ตามรายละเอียดข้างต้นแล้ว ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติม ดังนี้ 1) แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่อายุ 12 ปี ถึงน้อยกว่า 16 ปี ที่อาศัยร่วมบ้านกับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง 2) แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 แก่ครูและบุคลากรทุกระดับในสถานศึกษา สมาชิกร่วมบ้านของครูและบุคลากร ผู้ปกครองและสมาชิกร่วมบ้านของเด็กทุกคน 3) ส่งเสริมให้มีมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัดในสถานศึกษา ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค 4) การฉีดวัคซีนเป็นความสมัครใจ เด็กและวัยรุ่นควรได้ไปสถานศึกษา ร่วมทำกิจกรรมภายใต้มาตรการป้องกันตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค ไม่ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ และ 5) แนะนำให้งดออกกำลังกายอย่างหนัก หรือการทำกิจกรรมอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ภายหลังจากการฉีดวัดซีนป้องกันโรคโควิด 19
ข้อมูลจาก คำแนะนำราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ
ภาพประกอบ Freepik