ปัจจัยแรก คือ ชอบในสิ่งที่ทำ จึงต้องเลือกทำในสิ่งที่ชอบ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จอย่างน้อยก็มีความสุข ถือเป็นความสำเร็จ การที่เรารักษาคนไข้และเขาอาการดีขึ้น หรือสอนลูกศิษย์และลูกศิษย์จบไปทำประโยชน์ให้สังคม ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้ามีความสุขที่ทำ จะทำให้ได้ดีจะได้รางวัลหรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ปัจจัยที่สอง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เป็นคนที่พอมีเวลาจะลงมือทำทันที ไม่รอให้ถึง deadline งานบางอย่างไม่มี deadline เช่น การวิจัย ไม่ได้มีคนมาบีบบังคับว่าจะต้องทำให้สำเร็จ ในด้านวิชาการบางอย่าง ยังไม่มีคนบีบบังคับมีเวลาว่างก็ต้องทำทันที อย่ารอเวลา
ปัจจัยที่สาม เป็นมิตรกับทุกคน พยายามมองในข้อดีของคนอื่นให้มากกว่าข้อเสีย เพราะทุกคนมีทั้งส่วนดี และส่วนไม่ดี สิ่งไหนที่มีค่าน้อยสำหรับเรา แต่อาจจะมีค่ามากกว่าสำหรับคนอื่น ก็ควรจะมอบให้เขาไปร่วมมือกันกับทุกฝ่าย คิดว่า ถ้าเราสามัคคีกันจะทำให้ประเทศชาติ หรือส่วนรวมก้าวหน้าไปมากกว่านี้ โดยส่วนตัวการที่พยายามไม่เป็นศัตรูกับใครไม่ต่อต้านใคร เมื่อถึงเวลาจะทำให้ทุกคนสนับสนุนเรา ยิ่งเราไปต่อต้านเขา เขายิ่งมาต้านเรา วันหน้าเราเพลี่ยงพล้ำ เขาอาจจะมาซ้ำเติมเรา ถ้าต่างคนต่างช่วยกัน ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ คือหลักการทำงาน
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมด เพียง สมัครสมาชิก หรือ Log in เข้าอ่านบทสัมภาษณ์คอลัมน์ Meet the Experts : IDV ได้เลยค่ะ