CIMjournal
banner Vaccine 2

Allergy vaccine Update: วัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคหืด (Vaccination in Asthma) ตอนที่ 2


นพ. จิรวัฒน์-เชี่ยวเฉลิมศรีนพ. จิรวัฒน์ เชี่ยวเฉลิมศรี
อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันทางคลินิก
ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

 

โรคหืดเป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อประชากรจำนวนมากทั่วโลก โดยวัคซีนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการกำเริบของโรค รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ บทความทบทวนตอนที่ 2 นี้ จะกล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ และวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ซึ่งได้กล่าวถึงไปแล้วในบททบทวนตอนที่ 1 โดยมุ่งเน้นที่บทบาทของวัคซีนกลุ่มอื่นในการลดอุบัติการณ์ของการกำเริบและภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคหืด ตามข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่


1. วัคซีนโรคไอกรน (Bordetella pertussis vaccine)

โรคหืด (asthma) เป็นภาวะอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจที่มีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการไอ หายใจหอบ และแน่นหน้าอก การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อ Bordetella pertussis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไอกรน ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญต่อการกำเริบของโรคหืด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี การกำเริบจาก pertussis มักมีลักษณะเป็นอาการไอเรื้อรังแบบรุนแรง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และอาจนำไปสู่การใช้ยาควบคุมหืดเพิ่มขึ้น ดังนั้น วัคซีน Tdap จึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อดังกล่าวและลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยหืด

วัคซีน Tdap เป็นวัคซีนรวมชนิดฉีด ประกอบด้วยสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อ 3 โรค ได้แก่ Tetanus toxoid สำหรับป้องกันโรคบาดทะยัก, Reduced Diphtheria toxoid สำหรับโรคคอตีบ และ Acellular Pertussis (aP) สำหรับป้องกันไอกรน โดยวัคซีน Tdap มีปริมาณแอนติเจนของ diphtheria และ pertussis ต่ำกว่า DTaP ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในวัยผู้ใหญ่

คำแนะนำทั่วไปสำหรับประชากรทั่วไปคือ ควรได้รับวัคซีน Tdap จำนวน 1 เข็มในวัยผู้ใหญ่ หากไม่เคยได้รับมาก่อน และหลังจากนั้นควรได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีน Td หรือ Tdap ทุก 10 ปี เพื่อคงระดับภูมิคุ้มกัน ในผู้ป่วยโรคหืด แม้จะไม่จัดเป็นกลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องโดยตรง แต่ด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไอเรื้อรังและผลกระทบต่อการควบคุมโรค วัคซีน Tdap จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอาการหืดไม่คงที่หรือมีโรคร่วม

จากหลักฐานทางระบาดวิทยา พบว่า การติดเชื้อ B. pertussis มีความสัมพันธ์กับการเกิดอาการไอเรื้อรังที่ยาวนานหลายสัปดาห์ และสามารถกระตุ้นให้เกิดการกำเริบของโรคหืดในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้ที่ควบคุมอาการไม่ได้ดี (Cherry JD, 2012; Zhang et al., 2014) อาการไอของ pertussis มักมีลักษณะเฉพาะ คือ “paroxysmal cough” หรือการไอเป็นชุดรุนแรงต่อเนื่อง ซึ่งรบกวนการนอนหลับและลดคุณภาพชีวิต

วัคซีน Tdap ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันไอกรนราว 70 – 85% ในช่วง 1 – 2 ปีแรกหลังการฉีด และถึงแม้ภูมิคุ้มกันจะลดลงตามเวลา แต่การได้รับวัคซีนก็ยังช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ (Klein et al., 2016) นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญในการปกป้องผู้ที่มีความเปราะบางในครอบครัว เช่น ทารกแรกเกิด และผู้สูงอายุ จากการติดเชื้อที่แพร่จากผู้ใหญ่ที่อาจเป็นพาหะโดยไม่รู้ตัว (Healy et al., 2014)

ในด้านความปลอดภัย วัคซีน Tdap มีข้อมูลยืนยันว่า ปลอดภัยสูงในผู้ป่วยโรคหืด ไม่พบอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่มากกว่าประชากรทั่วไป อาการข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด หรือมีไข้ต่ำ ซึ่งมักหายได้เองภายใน 1 – 3 วัน

กล่าวโดยสรุป วัคซีน Tdap ควรถูกพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดูแลผู้ป่วยโรคหืดในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีปัจจัยที่อาจเพิ่มโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน การให้วัคซีนอย่างเหมาะสมไม่เพียงช่วยลดการติดเชื้อไอกรน แต่ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมโรคหืดให้ดียิ่งขึ้น และลดภาระต่อระบบสุขภาพโดยรวม


2. วัคซีนป้องกันโรค RSV (Respiratory Syncytial Virus vaccine)

ไวรัส Respiratory Syncytial Virus (RSV) เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการตระหนักมากขึ้นว่า RSV ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจในผู้สูงอายุและผู้ใหญ่ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหืด (asthma), โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะในผู้ที่มีการควบคุมโรคหืดไม่ดี การติดเชื้อ RSV อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบของโรคและนำไปสู่การเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้

ในปี ค.ศ. 2023 วัคซีน RSV ชนิดใหม่ได้รับการรับรองให้ใช้ในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราการป่วยรุนแรงและการนอนโรงพยาบาล ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่มีโรคประจำตัวทางเดินหายใจเช่นโรคหืด วัคซีน RSV ที่ได้รับการรับรอง ได้แก่ Arexvy (ของบริษัท GSK) ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด recombinant protein subunit (RSVPreF3) และได้รับอนุมัติจาก US FDA สำหรับผู้ที่มีอายุ ≥60 ปี และ Abrysvo (ของบริษัท Pfizer) ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด bivalent pre-fusion F protein ที่สามารถให้ในผู้ใหญ่ ≥60 ปี และหญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 เพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารกแรกเกิด

แนวทางจากหน่วยงานสาธารณสุข เช่น ACIP และ CDC แนะนำให้พิจารณาการให้วัคซีน RSV ในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหืดหรือโรคปอดอื่น ๆ การให้วัคซีนควรอยู่ภายใต้แนวทางการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วย (shared clinical decision-making) สำหรับหญิงตั้งครรภ์ วัคซีนสามารถให้ได้ในช่วงอายุครรภ์ 32 – 36 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารก

จากหลักฐานทางวิชาการ พบว่า RSV สามารถทำให้เกิด bronchiolitis, wheezing และกระตุ้นให้โรคหืดกำเริบ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีการควบคุมโรคหืดไม่ดี การติดเชื้อ RSV ยังสัมพันธ์กับอัตราการนอนโรงพยาบาลและความรุนแรงของโรคที่สูงขึ้นในผู้ป่วยหืดสูงวัย (Falsey et al., 2005; Shi et al., 2020) นอกจากนี้ การศึกษาระยะที่ 3 ของวัคซีน Arexvy พบว่าสามารถลดอัตราการเกิด RSV-related lower respiratory tract disease (LRTD) ได้ถึง 82.6% และลดอัตราการป่วยรุนแรงได้ถึง 94.1% ในกลุ่มผู้มีอายุ ≥60 ปี (GSK, NEJM 2023) ขณะที่วัคซีน Abrysvo ก็แสดงผลในการลดอัตราการเกิด severe LRTI ได้อย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (Pfizer, N Engl J Med 2023)

แม้ว่าวัคซีน RSV จะไม่ได้ระบุให้ใช้ในผู้ป่วยโรคหืดโดยเฉพาะ แต่ผู้ที่มีโรคหืดในระดับรุนแรงหรือควบคุมได้ไม่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป อาจได้รับประโยชน์จากการได้รับวัคซีนนี้ นอกจากนี้ วัคซีนชนิดที่ใช้ในปัจจุบันเป็นวัคซีนชนิดไม่ใช้เชื้อมีชีวิต (non-live) จึงมีความปลอดภัยสูงในผู้ป่วยโรคหืด และไม่พบข้อห้ามเฉพาะ

ตารางสรุปวัคซีนที่แนะนำในผู้ป่วยโรคหืด (รวมจากวัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคหืด ตอนที่ 1 และตอนที่ 2)Vaccination in Asthma part2


สรุป

วัคซีน RSV ถือเป็นความก้าวหน้าใหม่ทางการแพทย์ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหืด การพิจารณาให้วัคซีนนี้ในผู้ป่วยหืดควรคำนึงถึงความรุนแรงของโรค อายุ และการหารือร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้ป่วย เพื่อประเมินประโยชน์และความเหมาะสมในแต่ละราย

 

 

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก