การศึกษา Cohort ในเกาหลี พบว่า ยาเบาหวาน SGLT2i, DPP4i, TZD สามารถลดการดำเนินโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ ดีกว่ายาเบาหวาน Sulfonylurea โดยยาเบาหวาน SGLT2i สามารถลดการดำเนินโรคและทำให้สภาพตับดีขึ้นได้มากที่สุด
โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (nonalcoholic fatty liver disease : NAFLD) พบถึง 25% ของประชากรโลกและในกลุ่มผู้ที่ป่วยจะมีโอกาสเปลี่ยนเป็นตับอักเสบและตับแข็งถึง 20% และยังสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดและเมตาบอลิกหลายชนิด รวมทั้งโรคเบาหวานที่มีความสัมพันธ์กับโรคนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเกิดโรคเบาหวานร่วมกับ NAFLD จะทำให้การดำเนินโรคของทั้งคู่แย่ลง
ปัจจุบันยังไม่มียารักษา NAFLD โดยตรงแต่มียาเยาหวานหลายชนิดที่มีกลไกสามารถปรับปรุงสภาพโรคได้ จึงเป็นที่มาของการศึกษารวบรวมข้อมูลนี้
การศึกษาแบบรวมรวมข้อมูลจากฐานข้อมูลประกันสังคมระดับชาติของเกาหลี ที่รวบรวมและทบทวนข้อมูลไปข้างหน้าในทุก 2 ปี โดยศึกษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานรายใหม่ มีการใช้ยามาไม่เกิน 3 เดือน และยังต้องเป็นผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) ที่มี fibrosis liver index มากกว่า 40 ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีจำนวน 80,178 ราย
เก็บข้อมูลเพื่อศึกษาผลลัพธ์ว่ายาเบาหวานกลุ่มต่าง ๆ ที่ใช้รักษาเบาหวานนั้น ส่งผลอย่างไรต่อ NAFLD โดยผลการศึกษาหลักที่สนใจ คือ NAFLD ที่ดีขึ้น fibrosis liver index ต่ำกว่า 30 และสภาวะต่าง ๆ ของโรคตับหลังให้ยาที่ดีขึ้น โดยกลุ่มเปรียบเทียบที่เป็นกลุ่มฐาน คือ กลุ่มที่ได้รับยา sulfonylureas
ผลการศึกษา พบว่า อายุเฉลี่ยที่ 55 – 60 ปี มีการดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เกินระดับถึง 16% โดยยาที่ใช้มากที่สุด คือ DPP4i ระยะเวลาการติดตามเฉลี่ยที่ 967 วัน พบว่า ผลการศึกษาหลัก ตัวเลขเป็นรายที่ดีขึ้นต่อ 100,000 คนปี มีดังนี้ SGLT2i 2,246 ราย, thiazolidinedione 2,220 ราย, DPP4i 1,953 ราย, SU 1,271 ราย และถ้าเปรียบเทียบกับยาที่ใช้เป็นฐานคิด คือ SU จะพบว่า ยาทุกชนิดทำให้ดีขึ้นต่างจาก SU อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนผลลัพธ์โรคทางตับที่แย่ลง พบว่า ตัวเลขคนที่แย่ลงต่อ 100,000 คนปี มีดังนี้ SGLT2i 52 ราย, thiazolidinedione 118 ราย, DPP4i 122 ราย, SU 157 ราย และถ้าเปรียบเทียบกับยาที่ใช้เป็นฐานคิด คือ SU จะพบว่า มีเพียง SGLT2i ที่ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
จากผลการศึกษา พบว่า ยาเบาหวานกลุ่ม SGLT2i สามารถทำให้ NAFLD ดีขึ้นได้มากกว่ายากลุ่มอื่น แม้รักษาแบบยาเดี่ยวจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีหากผู้ป่วย T2DM ที่มี NAFLD ร่วมด้วย สามารถรักษาเบาหวานและปกป้องตับได้เพิ่มขึ้น แต่อย่างไร การศึกษานี้เป็น Cohort ที่มีข้อมูลไม่ครบอยู่ประมาณหนึ่ง จึงยังต้องรอการศึกษาแบบทดลองทางการแพทย์ต่อไป
เรียบเรียงโดย นพ. ชาคริต หริมพานิช
ข้อมูลจาก doi:10.1001/jamainternmed.2023.8029