ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) เกิดขึ้นประมาณร้อยละ 5 ของเด็กทั่วไป แต่เด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรมพบภาวะนี้ได้มากกว่าถึงร้อยละ 80 ส่งผลเกิดปัญหาสุขภาพที่ไม่ดี รวมถึงการหยุดชะงักของพัฒนาการทางสติปัญญาและการทำงานของสมอง นักวิจัยได้ทำการศึกษาวิธีการที่ดีกว่าในการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้โดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีด้านสุขภาพให้สูงสุด
มีการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารกุมารเวชศาสตร์ รายงานเกี่ยวกับการรักษาเด็กชายอายุ 4 ขวบที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรม และเป็นโรค OSA ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายอุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาท Hypoglossal และมีอาการที่ดีขึ้น ปัจจุบันการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิล เป็นวิธีการรักษาทางเลือกแรกสำหรับโรค OSA ในเด็ก อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดดังกล่าวไม่ได้เป็นทางเลือกเสมอไปสำหรับเด็กที่มีภาวะกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมเนื่องจากโรค OSA สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้อีกในเด็กกลุ่มนี้ นอกจากนี้การรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง (continuous positive airway pressure, CPAP) ซึ่งส่งอากาศอัดเข้าสู่ทางเดินหายใจระหว่างการนอนหลับ มักไม่ได้ผลการรักษาที่ดีในเด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรมเนื่องจากความไวทางประสาทสัมผัสของเด็กกลุ่มนี้
การรักษาโรค OSA ด้วยอุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาท Hypoglossal เป็นตัวเลือกที่ใช้กันมากขึ้นในการรักษาโรค OSA ในผู้ใหญ่ นับตั้งแต่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ ในปี ค.ศ. 2014 โดยการทำงานของอุปกรณ์จะตรวจจับเมื่อทางเดินหายใจถูกปิดกั้น และส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยัง Hypoglossal ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของลิ้น ทำให้ลิ้นเคลื่อนไปด้านหน้าเพื่อเปิดทางเดินหายใจ นักวิจัยได้ศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ดังกล่าวในเด็กอายุระหว่าง 10 ถึง 22 ปีที่เป็นดาวน์ซินโดรมและเป็นโรค OSA โดยผลการทดลองในผู้ป่วย 42 ราย แสดงให้เห็นประโยชน์และความปลอดภัยของการรักษานี้ และได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐในการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้สำหรับรักษาวัยรุ่นที่เป็นดาวน์ซินโดรมอายุมากกว่า 13 ปีเป็นต้นไป ผลลัพธ์เหล่านี้กระตุ้นให้นักวิจัยต้องการศึกษาเพิ่มเติมว่าการรักษาโรค OSA จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กเล็กที่ได้รับผลกระทบทางกายภาพ และการพัฒนาการทางระบบประสาทหรือไม่ ทีมวิจัยได้คัดเลือกผู้ป่วยชื่อ Theodore “Theo” Scott วัย 4 ขวบจากเมือง Knoxville รัฐ Tenn. ซึ่งเคยเข้ารับการบำบัดด้วย CPAP มาตั้งแต่อายุ 1 ขวบ และได้รับการผ่าตัดในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2023 การผ่าตัดนี้ประสบความสำเร็จโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน Theo ก็มีอาการดีขึ้นในการนอนหลับของเขา ดัชนีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (หน่วยวัดความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ) ลดลง 40 % และผู้ปกครองได้บอกว่าเด็กตื่นนอนตอนเช้าง่ายขึ้น และพัฒนาการทางภาษาดีขึ้น
เด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรมจะได้รับผลกระทบจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากโรค OSA และมักไม่ได้รับประโยชน์จากวิธีการรักษาเดิม ๆ รายงานการวิจัยต่างแสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ และคะแนนไอคิวของพวกเขา ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีนี้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาเด็กกลุ่มนี้ในอนาคตได้
เรียบเรียงโดย พญ. พนิดา วิจารณ์
ข้อมูลจาก doi.org/10.1542/peds.2023-063330

