การใช้ยา liraglutide นาน 6 เดือนในการรักษาโรคหลอดเลือดส่วนปลายในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบผลว่าสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดส่วนปลายได้ดีขึ้น
Peripheral artery disease (PAD) หรือโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย จัดเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนต่อหลอดเลือดขนาดเล็กของผู้เป็นเบาหวาน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นตัวบ่งชี้สำคัญต่อการเกิดแผลที่เท้าในผู้เป็นเบาหวาน นำไปสู่การติดเชื้อเรื้อรังและการสูญเสียเท้าในที่สุด
Paola Caruso และคณะ จากประเทศอิตาลี ได้ทำการศึกษาแบบสุ่มในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 อายุเฉลี่ย 67.5 ปี ที่มีโรคหลอดเลือดส่วนปลายร่วมด้วย และมีค่า Transcutaneous PO2 (TcPO2) อยู่ระหว่าง 30 – 49 มม.ปรอท จำนวน 55 ราย ซึ่งได้รับการสุ่มเป็นกลุ่มที่ได้รับยา liraglutide และกลุ่มที่ได้ยาหลอก ผลพบว่า ตลอดระยะเวลาการศึกษาในทั้ง 2 กลุ่มมี TcPO2 ดีขึ้น แต่กลุ่มที่ได้รับ liraglutide มี TcPO2 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 6 เดือนหลังการได้รับยาอยู่ที่ 11.2 มม.ปรอท และพบผู้เข้าร่วมงานวิจัย 89% ในกลุ่มที่ได้รับ liraglutide หรือจำนวน 24 ราย มี TcPO2 เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีเพียง 46% หรือ 13 ราย อีกทั้งผู้เข้าร่วมงานวิจัยในกลุ่มที่ได้รับ liraglutide ยังมีระดับ C-reactive protein (CRP) ลดลงกว่า 0.4 มก./ดล., Urine albumin to creatinine ratio (UACR) ลดลงกว่า 119.4 มก./ก. และสามารถเดินนาน 6 นาที ได้ระยะทางไกลกว่า 25.1 ม. เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งมีนัยสำคัญ
การการศึกษาแบบสุ่มนี้แสดงให้เห็นว่า การใช้ยา liraglutide เป็นเวลา 6 เดือน สามารถเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในหลอดเลือดส่วนปลายอย่างมีนัยสำคัญในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีโรคหลอดเลือดส่วนปลายร่วมด้วย
เรียบเรียงโดย พญ. นิษฐา ปรุงวิทยา
ข้อมูลจาก https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2815948

