วิจัยใหม่ใช้คลื่นอัลตราซาวน์รักษาลิ้นหัวใจตีบ

การรักษาลิ้นหัวใจ aorta แข็งตัวแบบใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด คือ การรักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ ซึ่งปลอดภัยและไม่เจ็บตัว

ลิ้นหัวใจ aorta แข็งตัวที่มีหินปูนเกาะเป็นโรคที่ต้องได้รับการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดและการใช้ transcatheter aortic valve replacment อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนมากไม่พร้อมสำหรับการทำหัตถการนี้เหตุเพราะโรคร่วมที่รุนแรง หรือคาดการณ์อายุขัยไม่คุ้มกับการทำหัตถการดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการพัฒนาการรักษาที่ปลอดภัยกว่า หรือเสี่ยงต่อผลแทรกซ้อนระหว่างการทำหัตถการน้อยกว่า ซึ่ง คือ การใช้คลื่นอัลตราซาวน์มาทำให้หินปูนที่เกาะอยู่นิ่มลง และลิ้นหัวใจ aorta ทำงานได้ดีขึ้น

Emmanuel Messas และคณะ ได้ทำการศึกษาที่รวบรวมผู้เข้าร่วมงานวิจัยซึ่งมีลิ้นหัวใจ aorta ตีบรุนแรงที่มีอาการจาก 3 โรงพยาบาลของประเทศฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเซอร์เบีย รวมจำนวน 40 ราย ผู้เข้าร่วมงานวิจัยมีคะแนน Thoracic Surgeons score เฉลี่ยที่ 5.6% ผู้เข้าร่วมงานวิจัยจะได้รับการรักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ผ่านหน้าอก และมีการติดตามที่ 1, 3, 6, 12 และ 24 เดือน โดยเป้าหมายเพื่อดูผลการทำงานของล้นหัวใจที่ 30 วันหลังการรักษา พบว่า หลังทำหัตถการดังกล่าวไม่มีผู้ใดเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับหัตถการ รวมถึงไม่มีโรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดขึ้นด้วย การทำงานของลิ้นหัวใจดีขึ้นที่ 6 เดือนหลังรักษา โดยมี aortic valve area เฉลี่ยดีขึ้น 10% จาก 0.58 ซม.²เป็น 0.64 ซม.²ซึ่งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมี pressure gradient เฉลี่ยลดลง 7% จาก 41.9 มม.ปรอท เป็น 38.8 มม.ปรอท ส่วน New York Heart Association (NYHA) score ดีขึ้นหรือไม่เปลี่ยนแปลงใน 24 จาก 25 ราย หรือ 96% และ Kansas City Cardiomyopathy Questionnaire score เฉลี่ยก็ดีขึ้น 33% จาก 48.5 เป็น 64.5 อย่างไรก็ตาม พบภาวะแทรกซ้อน 1 ราย ที่มีระดับออกซิเจนส่วยปลายลดลงชั่วคราว 1 ราย อื่น ๆ เป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงและเป็นอยู่ชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นอาการปวด หรืออาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น

งานวิจัยแสดงให้เห็นถึงการรักษาโรคลิ้นหัวใจ aortic ตีบด้วยการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ทำให้ลิ้นหัวใจทำงานได้ดีขึ้น ปลอดภัย และอาจนำมาช่วยวิธีการรักษาหลักอย่างการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ เป็นต้น

เรียบเรียงโดย พญ. นิษฐา ปรุงวิทยา

ข้อมูลจาก