ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในกลุ่มคนต่างด้าว โดยเน้นการใช้ข้อมูลชีวมิติ (Biometric) อาทิ การจดจำใบหน้าและลายม่านตา เพื่อพิสูจน์ตัวตนและเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพอย่างมีมาตรฐาน พร้อมเดินหน้ารณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครอบคลุมกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีใน 4 จังหวัดชายแดนใต้
4 เมษายน พ.ศ. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 ติดตามสถานการณ์โรคติดต่อชายแดน อาทิ วัณโรค มาลาเรีย อหิวาตกโรค และโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน พบว่าระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 – 27 กันยายน พ.ศ. 2567 พบผู้ป่วยสะสมกว่า 1.7 ล้านราย และเสียชีวิตเกือบ 4,000 ราย ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ใช้เทคโนโลยีีชีวมิติเพื่อระบุตัวตนของประชากรแฝงและเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงด้านโรคติดต่อ
คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีประชากรต่างด้าวมากกว่า 5.3 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ราว 1.2 ล้านคนไม่มีเอกสารประจำตัว การยืนยันตัวตนโดยใช้ข้อมูลชีวมิติหรือรหัสเฉพาะบุคคล (Health ID) เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคติดต่อในกลุ่มประชากรแฝง มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กทม. ประสานงานกับสภากาชาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาจัดทำระบบและแนวทางปฏิบัติต่อไป
ก่อนหน้านี้ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2566 กรมควบคุมโรค สภากาชาดไทย และ NECTEC ลงนามบันทึกความร่วมมือในการนำร่องระบบ TRCBAS สำหรับลงทะเบียนและยืนยันตัวตนโดยใช้เทคโนโลยีชีวมิติ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ตาก และกรุงเทพฯ สนับสนุนระบบบริการสาธารณสุขและควบคุมโรคในกลุ่มคนที่ไม่มีเอกสารประจำตัว ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการฉีดวัคซีนหัดเสริมในเด็กเล็กใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา หลังพบการระบาดของโรคหัดต่อเนื่อง โดยมีเด็กเสียชีวิตแล้วถึง 9 รายจากทั้งหมด 11 รายในปี 2567
แหล่งที่มา: https://pr.moph.go.th//online/index/news/316910