ผู้เชี่ยวชาญในยุโรปและสหรัฐอเมริกาต่างออกมาให้ความเห็นต่อกรณีการระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkey pox) ว่าสมควรจัดให้อยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เช่นเดียวกับโรคติดเชื้อเอชไอวี เริม หรือหนองใน หรือไม่
โดยปกติโรคฝีดาษลิงมักติดต่อผ่านการสัมผัสผื่นทางผิวหนังโดยตรง ทว่าจากกรณีการระบาดครั้งล่าสุดในยุโรปและอเมริกาเหนือ ผู้ป่วยจำนวนมากเป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (Men who have sex with men – MSM)
Robert L. Murphy แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัย Northwestern ให้ความเห็นว่า การแพร่ระบาดสูงในกลุ่ม MSM ไม่เพียงพอที่จะนับว่าโรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อพิจารณา STD ในนิยามที่ว่าเป็นการแพร่เชื้อผ่านสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ (semen or vaginal fluids) เป็นหลัก เนื่องจากข้อมูลที่มีในขณะนี้ อธิบายได้เพียงว่า กิจกรรมทางเพศสัมพันธ์เพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ไวรัสเนื่องจากมีการสัมผัสผื่นหรืออยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับ Rowland Kao ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Edinburgh มองว่าการนิยามโรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในแง่ของการป้องกันควบคุมโรค เนื่องจากโรคนี้สามารถแพร่ระบาดผ่านการสัมผัสผื่นแผลหรือสารคัดหลั่งโดยตรงได้ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น
Denise Dewald กุมารแพทย์จาก UH Cleveland Medical Center ให้ความเห็นในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เราไม่สามารถจัดให้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากที่สุดแล้ว โรคนี้จะแพร่กระจายมากขึ้นในประชากร ตลอดจนกลุ่มเด็กในสถานเลี้ยงเด็ก สื่อให้เห็นว่า สามารถแพร่ระบาดได้มากกว่าและง่ายกว่าการมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่สามารถนิยามโรคนี้อยู่ในกลุ่ม STD เช่นเดียวกับโรคติดเชื้อเอชไอวีและอื่น ๆ ได้
ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุดเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2022 มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงอย่างน้อย 14,000 รายทั่วโลก โดยพบในสหรัฐอเมริกาแล้วกว่า 2,500 ราย และในสหราชอาณาจักรกว่า 2,100 ราย ผู้เสียชีวิตทั้งโลกมีทั้งหมด 5 ราย ซึ่งทุกรายอยู่ในทวีปแอฟริกา ทั้งนี้ การระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันยังมีข้อมูลที่วงการแพทย์ยังไม่ทราบแน่ชัดอีกมาก จำเป็นต้องติดตามข้อมูลจากงานวิจัยต่อไป
เรียบเรียงโดย พญ. สลิล ศิรินาม
ข้อมูลจาก https://www.medscape.com/viewarticle/977790?src=mbl_msp_iphone