นพ. ชัยศิริ ศรีเจริญวิจิตร
กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ
สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค
การระบาดของโรคฝีดาษวานร (Mpox) ในปี 2565 ในหลายประเทศทั่วโลกนอกทวีปแอฟริกา ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญและจับตามองการระบาดของโรค Mpox บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการวินิจฉัยและการรักษาที่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้แพทย์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย Mpox ได้อย่างเหมาะสม
การวินิจฉัย1-3
- อาการและอาการแสดงทางคลินิกที่เข้าได้กับ Mpox โดยเฉพาะผื่นหรือรอยโรคที่มีลักษณะเฉพาะของโรค ซึ่งในช่วงแรกของการป่วย ผู้ป่วย Mpox จะมีอาการไม่จำเพาะ ได้แก่ ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ปวดศีรษะ หลังจากนั้นจึงมีผื่น เกิดขึ้นภายใน 1 – 3 วันหลังไข้ลง ผื่นเริ่มที่ใบหน้าและลามไปยังแขนขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เปลี่ยนลักษณะตามลำดับจากผื่นราบ ผื่นนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง จนตกสะเก็ดและหลุดลอก โดยผื่นของ Mpox จะพบเพียงระยะเดียว ไม่เหมือนโรคสุกใสที่พบผื่นหลายระยะพร้อมกัน
- ประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาภายในระยะเวลา 21 วันก่อนการเกิดอาการ กล่าวคือ ประวัติการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันหรือสงสัย ประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่ระบาดหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่มีรายงานผู้ป่วย รวมทั้งประวัติการสัมผัสสัตว์ฟันแทะหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีต้นกำเนิดจากทวีปแอฟริกา
- การตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ Monkeypox virus (MPXV) ด้วยวิธี Polymerase Chain Reaction (PCR) หรือ Sequencing ซึ่งมีความไวและความจำเพาะสูง โดยการเก็บตัวอย่างสำหรับการตรวจวินิจฉัยจำเป็นต้องคำนึงถึงระยะของโรค ในระยะก่อนมีผื่นหรือระยะที่มีตุ่มนูนแดงควรเก็บตัวอย่างจาก oropharyngeal swab ส่วนในระยะที่มีผื่นควรเก็บตัวอย่างจากรอยโรคผิวหนังหรือเยื่อบุหลายตำแหน่งบนร่างกาย (ตารางที่ 1) อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจหาสารพันธุกรรมอาจมีความไวต่ำในระยะที่ยังไม่มีอาการ และอาจพบผลบวกลวงได้หากพบเชื้อที่มีค่า cycle threshold สูงกว่า 34 ในผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงหรืออาการแสดงที่ชัดเจน
ตารางที่ 1 การเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ MPXV ตามระยะอาการของผู้ป่วย1
- กรณีที่ผู้ป่วยมีผื่นทั้งในระยะตุ่มน้ำใส/ตุ่มหนอง ร่วมกับระยะตุ่มตกสะเก็ด ให้เก็บตัวอย่างจาก ทั้ง 2 ระยะ ใส่หลอดเดียวกัน
- การเก็บ Swab จากตุ่มแผล ให้ใช้ไม้ swab ป้ายที่บนตุ่มน้ำ (vesicle) ตุ่มหนอง (pustule) หรือสะเก็ด(crust) แล้วใส่ในหลอดปราศจากเชื้อ หรือหลอด VTM ปริมาตรตามที่กำหนด ปิดฝาให้สนิทแช่เย็น 2-8 oC และนำส่งห้องปฏิบัติการ
- ไม่ควรใช้ถุงมือมีแป้ง รวมถึง swab ที่มีสาร calcium alginate หรือด้ามทำด้วยไม้พันปลายด้วยสำลี เนื่องจากมีสารที่ยับยั้งปฏิกิริยาการทดสอบทางชีวโมเลกุล
การดูแลรักษา2, 4
- การรักษาประคับประคอง เป็นหัวใจสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรค Mpox โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงและไม่มีปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย
- การบรรเทาอาการ: ให้ยาลดไข้และบรรเทาอาการปวดอย่างเหมาะสม
- การให้สารน้ำ: โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีรอยโรคผิวหนังเป็นวงกว้าง
- การดูแลผิวหนัง: รักษาความสะอาดร่างกาย ทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำและสบู่อ่อน ๆ ตัดเล็บให้สั้นและปกปิดรอยโรคเพื่อป้องกันการเกา
- การดูแลรอยโรคเฉพาะที่: หากมีรอยโรคบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก ให้แช่น้ำอุ่น (warm sitz bath) หรืออาจพิจารณาใช้ยาชาเฉพาะที่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา เนื่องจากอาจเกิดกระจกตาอักเสบและอาจทำให้ตาบอดได้
- การเฝ้าระวังและป้องกันภาวะแทรกซ้อน: เช่น สมองอักเสบ ปอดอักเสบ ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
- การตรวจคัดกรองโรคร่วม: พิจารณาตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในผู้ที่มีรอยโรคบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
- การรักษาจำเพาะด้วยยาต้านไวรัส (ตารางที่ 2)
ตารางที่ 2 ยาต้านไวรัสที่นำใช้ในการรักษาโรค Mpox และข้อพิจารณา2, 4-8
.
- การรักษาอื่น ๆ เช่น 1% trifluridine ophthalmic solution กรณีติดเชื้อที่ตา และ Vaccinia Immune Globulin Intravenous (VIGIV) ร่วมรักษาในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องที่มีอาการรุนแรง (ยังไม่มีในไทย)
แผนภูมิที่ 1 แนวทางการรักษาโรค Mpox5-9
ข้อพิจารณาพิเศษในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง4-8
- ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน พิจารณาลดขนาดยาหากเป็นไปได้ สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังไม่ได้รับการรักษา ให้เริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวี (ART) โดยเร็วที่สุด ควบคู่กับการให้ยาต้านไวรัสสำหรับรักษาโรค Mpox นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง เช่น CD4 ต่ำกว่า 200 เซลล์/มม.3 อาจพิจารณาการรักษาด้วยยา 2 ตัวร่วมกัน คือ tecovirimat ร่วมกับ cidofovir หรือ brincidofovir
- เด็กและวัยรุ่น เด็กที่มีอาการไม่รุนแรงและไม่มีปัจจัยเสี่ยง สามารถรักษาแบบประคับประคองได้ พิจารณารับไว้ในโรงพยาบาล ในกรณีมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน รอยโรคในตำแหน่งที่อาจเป็นอันตราย (เช่น บริเวณดวงตา รอบปาก อวัยวะเพศ ทวารหนัก) มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง หรือจำเป็นต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรครุนแรง ควรพิจารณาให้ยาต้านไวรัสโดยเร็ว นอกจากนี้ยังควรให้ความระมัดระวังพิเศษในการป้องกันการติดเชื้อที่ตา
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร แนะนำให้ยา tecovirimat โดยไม่ขึ้นกับความรุนแรงของโรค หลีกเลี่ยงการใช้ยา cidofovir หรือ brincidofovir เนื่องจากมีฤทธิ์เป็น teratogen
สรุป
โรค Mpox เป็นโรคติดเชื้อที่มีความสำคัญทางสาธารณสุข การวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที จะช่วยให้การรักษาประสบความสำเร็จและลดภาวะแทรกซ้อนลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วย Mpox ที่มีอาการรุนแรงหรือมีปัจจัยเสี่ยงควรได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส โดยยา tecovirimat เป็นยาหลักที่แนะนำ
- กรมควบคุมโรค. แนวทางการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคฝีดาษวานร (Mpox) [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 2 มิย. 2568]. เข้าถึงได้จาก:https://ddc.moph.go.th/monkeypox/file/guidelines/g_medical/guidelines_310867.pdf
- Titanji BK, Hazra A, Zucker J. Mpox clinical presentation, diagnostic approaches, and treatment strategies: a review. JAMA. 2024;332(19):1652-62. doi:10.1001/jama.2024.21091
- World Health Organization. Diagnostic testing for the monkeypox virus (MPXV): interim guidance, 10 May 2024 [Internet]. Geneva: WHO; 2024 [cited 2025 Jun 2]. Available from: https://www.who.int/publications/i/item/WHO-MPX-Laboratory-2024.1
- Centers for Disease Control and Prevention. Clinical considerations for mpox in children and adolescents in the U.S. [Internet]. Atlanta: CDC; 2024 [cited 2025 Jan 5]. Available from: https://www.cdc.gov/mpox/hcp/clinical-care/pediatric.html
- Centers for Disease Control and Prevention. Clinical treatment of mpox [Internet]. Atlanta: CDC; 2024 [cited 2025 Jan 5]. Available from: https://www.cdc.gov/mpox/hcp/clinical-care/index.html
- Centers for Disease Control and Prevention. Protocol: use of tecovirimat (TPOXX®) for treatment of human non-variola Orthopoxvirus infections in adults and children [Internet]. Atlanta: CDC; 2024 [cited 2025 Jan 5]. Available from: https://www.cdc.gov/mpox/media/pdfs/2024/08/Tecovirimat-IND-Protocol-CDC-IRB.pdf
- Matias WR, Koshy JM, Nagami EH, et al. Tecovirimat for the treatment of human monkeypox: an initial series from Massachusetts, United States. Open Forum Infect Dis. 2022;9(11):ofac397.
- Shamim MA, Satapathy P, Padhi BK, et al. Pharmacological treatment and vaccines in monkeypox virus: a narrative review and bibliometric analysis. Front Pharmacol. 2023;14:1206462.
- กรมการแพทย์. แนวทางปฏิบัติการวินิจฉัย การดูแลรักษาและการป้องกันการติดเชื้อ กรณีโรคฝีดาษวานร (Monkeypox) [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 1 มิ.ย. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://www.dms.go.th/backend/Content/Content_File/Hot_News/Attach/256508031213451.10_n_20220731.pdf