ผลการวิจัยจาก PANORAMIC trial ประเทศอังกฤษ พบว่า การให้ยา Molnupiravir ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่เคยได้วัคซีนป้องกัน COVID 19 มาแล้ว อาจให้ประโยชน์ไม่มากในการลดผลกระทบระยะยาวจากการติดเชื้อ
การศึกษา PANORAMIC trial ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยวิจัยในมหาวิทยาลัย Oxford ได้เผยแพร่ผลการศึกษาการให้ยา Molnupiravir ในผู้ป่วยโรค COVID 19 ก่อนนี้ว่า ในกลุ่มผู้ป่วยอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 18 ปีที่มีโรคประจำตัว ซึ่งจำนวนนี้ส่วนใหญ่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรค COVID 19 มาแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม การได้รับยาช่วยย่นระยะเวลาอาการป่วยเฉียบพลันจากการติดเชื้อได้เป็นเวลา 4 วัน แต่ไม่ได้ลดอัตราการเข้าโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ
ผลการศึกษาระยะต่อมา ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet Infectious Diseases เมื่อเดือนกันยายน 2024 ซึ่งเป็นการติดตามผู้ป่วยอาสาสมัครกว่า 23,000 คน หลังได้รับยา Molnupiravir ที่ระยะเวลา 3 และ 6 เดือน เพื่อประเมินผลการรักษาระยะยาวของยา โดยเปรียบเทียบกลุ่มที่ได้ Molnupiravir ร่วมกับการรักษามาตรฐานกับ กลุ่มที่ได้รับการรักษามาตรฐานอย่างเดียว ผลการวิเคราะห์ พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย Molnupiravir เป็นเวลา 5 วัน มี Wellness score สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ยาเล็กน้อย และยังรายงานอาการเจ็บป่วยน้อยกว่า เช่น ความเมื่อยล้า หายใจไม่อิ่ม กลุ่มที่ได้ยามีการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยน้อยกว่า รวมถึงมีคุณภาพชีวิตดีกว่า และรายงานอัตราการขาดงานน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ยา อย่างไรก็ตาม อัตราการต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าเล็กน้อย ไม่พบว่ามีนัยสำคัญในทางคลินิก เนื่องจากมี Number needed to treat สูง ตัวอย่าง เช่น ต้องใช้การรักษาด้วย Molnupiravir ในผู้ป่วยถึง 53 คน เพื่อลดอาการรุนแรงของผู้ป่วยได้ 1 คน เป็นต้น โดยที่ยา Molnupiravir ยังเป็นยาที่มีราคาค่อนข้างแพง คือ ประมาณ 500 ปอนด์ต่อการรักษา 5 วัน ดังนั้น การให้ยาแก่ผู้ป่วยทุกคนที่ติดเชื้อจะเป็นภาระทางการเงินที่สำคัญสำหรับระบบสาธารณสุข
ผลจากงานวิจัยนี้ ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกำหนดนโยบายการรักษาโรคติดเชื้อโควิด 19 แก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
เรียบเรียงโดย พญ. สลิล ศิรินาม
ข้อมูลจาก https://www.phc.ox.ac.uk/news/antiviral-molnupiravir-offers-only

