ผลการตีพิมพ์ครั้งแรกของความร่วมมือด้านการวิจัยน้ำนมมนุษย์ประเทศออสเตรเลีย ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับศักยภาพในการส่งเสริมการทำงานของลำไส้ และประสิทธิภาพการย่อยของคาร์โบไฮเดรตที่เรียกว่า HMOs ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของนมแม่ที่สร้างขึ้นระหว่างให้นมบุตร
น้ำนมแม่เป็นอาหารที่สำคัญ และเป็นอาหารเพียงชนิดเดียวของทารก การศึกษานี้จัดทำขึ้นเพื่อตรวจสอบความแตกต่างในน้ำนมแม่ เพื่อช่วยปรับปรุงโภชนาการทารกและสุขภาพโดยทั่วไป รวมถึงอัตราการรอดชีวิตของทารกคลอดก่อนกำหนดทุกข์ทรมานจากโรคของระบบลำไส้
การศึกษาเบื้องต้นของมารดาที่ให้นมบุตรจำนวน 101 คน พบว่า มีความความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างสารอาหารในอาหารของมารดาและพรีไบโอติก ที่เรียกว่า HMOs (human milk oligosaccharides) ซึ่งมีบทบาทเชิงบวกหลายประการในการปกป้องสุขภาพของทารก เช่น ลดอาการแพ้ โรคทางเดินอาหาร และโรคติดเชื้อ รวมถึงป้องกันภาวะลำไส้เน่าอักเสบ (Necrotizing Enterocolitis: NEC) ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงของทารกโดยเฉพาะทารกคลอดก่อนกำหนด ผู้วิจัยหวังว่าผลการศึกษานี้จะช่วยกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับโภชนาการของมารดาในระหว่างให้นมบุตร เพื่อเพิ่มองค์ประกอบของ HMOs แม้ว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ผลลัพธ์เบื้องต้นจากการเก็บตัวอย่างน้ำนมระบุว่า ปัจจัยที่มีผลต่อระดับ HMOs ได้แก่
- ระดับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกระดับสัมพันธ์กับการลดลงของ HMOs
- ปริมาณโฟเลตในอาหาร (ทั้งโฟเลตธรรมชาติและกรดโฟลิก) มีความสัมพันธ์กับระดับปริมาณ HMOs ที่เพิ่มขึ้น
- ผลกระทบเชิงลบจากการได้รับยาปฏิชีวนะของมารดาระหว่างตั้งครรภ์ และประวัติการเจ็บป่วยของมารดา เช่น ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และโรคภูมิแพ้ เป็นต้น
- ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของ HMOs กับมวลไขมันของมารดา และมวลที่ปราศจากไขมัน หรือการวิเคราะห์มวลร่างกาย
- อิทธิพลทางพันธุกรรมในมารดาที่ให้นมบุตร ที่ส่งผลต่อสถานะทางโภชนาการ และต่อองค์ประกอบของ HMOs
สำหรับการค้นพบนี้ช่วยให้ตระหนักถึงการกำหนดโภชนาการของมารดาในช่วงให้นมบุตร และการเลือกรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีโฟเลตสูงเมื่อให้นมบุตร
เรียบเรียงโดย พญ. พนิดา วิจารณ์
ข้อมูลจาก DOI: 10.3390/nu15092093

