Meta-analysis เกี่ยวกับการใช้ยามุ่งเป้าเพื่อรักษา renal cell carcinoma ระยะลุกลาม พบว่า 6 RCTs ระยุการใช้ยา tyrosine kinase inhibitor คู่กับ immunotherapy ได้ผลการรักษาดีที่สุดในทุกระยะและการพยากรณ์ของโรค
Renal cell carcinoma เป็นมะเร็งเนื้อไตปฐมภูมิที่พบบ่อยที่สุด การรักษามาตรฐาน คือ การผ่าตัดร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัด จนเมื่อมีเทคโนโลยีการใช้ยามุ่งเป้าและการรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน พบว่า เซลล์มะเร็งไตชนิดนี้สามารถตอบสนองต่อตัวรับสารชีวภาพนี้เช่นกัน แต่เป็นบทบาทการรักษาในกรณีโรคระยะลุกลามที่ผ่าตัดยาก หรือเมื่อโรคแพร่กระจายไปที่อื่น การศึกษานี้รวบรวมผลการศึกษาแบบ RCTs ในการรักษามาคำนวณผลรวมสรุป
การศึกษาแบบ meta-analysis จากการวิจัยแบบ RCTs การใช้ยามุ่งเป้าและยาภูมิคุ้มกัน ในผู้ป่วยมะเร็งไตที่ได้รับการตรวจยืนยันชิ้นเนื้อเป็นชนิด renal cell carcinoma ระยะลุกลาม หรือแพร่กระจาย ทั้งสิ้น 6 RCTs รวมจำนวนคนที่เข้ารับการศึกษา 5,121 ราย เป็นผู้ชาย 70% ช่วงอายุ 61 – 64 ปี ระยะเวลาในการรักษาและติดตาม 18 – 55 เดือน
ผลการศึกษาหลักที่สนใจ คือ overall survival (OS) และ progression-free survival (PFS)
Overall Survival จากหกการศึกษารวมแล้วสูตรยาที่มี OS มากสุด คือ nivotinib/cabozantinib แต่ถ้าแบ่งย่อยความการพยากรณ์โรคจะได้ดังนี้
- Favorable สูตรยาที่ได้ OS สูงสุด คือ avelumab /axitinib
- Intermediate สูตรยาที่ได้ OS สูงสุด คือ pembrolizumab/axitinib
- Poor สูตรยาที่ได้ OS สูงสุด คือ pembrolizumab/lenvatinib
ส่วนสูตรยาที่มี progression free survival มากที่สุด คือ pembrolizumab/lenvatinib
สูตรยา tyrosine kinase inhibitor (TKI) +immunotherapy (IO) เป็นยาหลักที่ได้ประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงไม่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับยาสูตรที่ใช้สารชีวภาพมุ่งเป้าเพียงชนิดเดียว (สองตัวยา) พบว่า ประสิทธิภาพด้อยกว่า ส่วนการใช้ immunotherapy ทั้งสองชนิด พบว่า บริหารจัดการยาได้อย่างไม่สะดวกและติดตาม หรือหากแจกแจงตามการพยากรณ์โรคจะพบว่า
- Favorable prognosis อาจใช้ TKI monotherapy ได้ ตัวยาที่มีการใช้มาก คือ sunitinib
- Intermediate or Poor prognosis ควรใช้ TKI+IO ตัวยาที่ใช้มาก คือ pembrolizumab ร่วมกับ lenvatinib
การรักษามะเร็งไตชนิดลุกลาม หรือแพร่กระจาย ยังสามารถเพิ่มขีดการรักษาโดยใช้ยากลุ่มใหม่ และเพิ่มการอยู่รอดของผู้ป่วยได้ แต่ตัวยาที่ใช้อาจจะยังไม่สามารถใช้แพร่หลาย รวมทั้งราคายังสูงมาก การศึกษานี้ช่วยปูทางการคิดค้นยาใหม่ เพื่อเป็นแนวทางการนำไปใช้จริงในทางคลินิกต่อไป
เรียบเรียงโดย นพ. ชาคริต หริมพานิช
ข้อมูลจาก Doi:10.1016/j.euros.2021.12.007

