กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมความพร้อมการตรวจวินิจฉัยโรคฝีดาษลิง เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในคน และตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (smallpox) เพื่อให้การรับรองคุณภาพวัคซีนที่จะนำมาใช้ในการป้องกันโรค
24 พ.ค. 65 นพ. ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีมีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง (monkeypox) ในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะห้องปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียมความพร้อมในการตรวจวินิจฉัยโรค เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในคนด้วยเทคนิค Real-time PCR ระยะเวลาการตรวจ 24 – 48 ชั่วโมง และการตรวจลำดับนิวคลิโอไทด์ ด้วยเทคนิค DNA sequencing ระยะเวลาการตรวจ 4 – 7 วัน รวมถึงการตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ด้านความปลอดภัย ด้านเคมี-ฟิสิกส์และความแรง เพื่อยืนยันว่าวัคซีนนำเข้ามีคุณภาพ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากมีการนำเข้าวัคซีนอย่างเร่งด่วน จะสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษหรือฝีดาษคน สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ถึง 85% แต่เนื่องจากโรคฝีดาษคน ถูกกำจัดไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จึงเป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปีแล้วที่ไม่มีการฉีดวัคซีนชนิดนี้ แต่วัคซีนก็ยังมีการผลิตขึ้นเพื่อป้องกันการใช้เป็นอาวุธชีวภาพและป้องกันโรคฝีดาษลิง ซึ่งสหรัฐอเมริกามีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคฝีดาษคน จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (live attenuated vaccine) ได้แก่ วัคซีน Imvamune (Imvanex หรือ Jynneos) ของบริษัท Bavarian Nordic และวัคซีน ACAM2000 ของบริษัท Acambis ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา หรือ FDA แล้ว
ทั้งนี้ US-CDC ได้แนะนำให้ควบคุมโรค โดยใช้ยารักษาโรคไข้ทรพิษ ได้แก่ Tecovirimat (ST-246), Cidofovir และ brincidofovir รวมถึงการให้แอนติบอดีเสริมภูมิต้านทานสำเร็จรูปชื่อ Vaccinia Immune Globulin (VIG) สำหรับรักษาผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ หรือผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรุนแรง ซึ่งยาดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการติดตามประเมินประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา: https://www.hfocus.org/content/2022/05/25156