สปสช.ปรับวิธีจ่ายเงินชดเชยค่าบริการสำหรับหน่วยบริการในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (พญาไท-ราชวิถี-ศรีอยุธยา -พระรามหก) เพื่อรองรับการแบ่งปันการใช้ทรัพยากรของโรงพยาบาล ชี้เป็นโครงการนำร่องถ้าได้ผลดีก็จะขยายไปใช้กับโรงพยาบาลพื้นที่อื่นๆ
23 พ.ค. 65 นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ ที่ปรึกษาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า คณะบอร์ด สปสช. ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การดำเนินการและการจัดสรรเงินเพื่อสนับสนุนการจัดระบบบริการสาธารณสุขในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (ถ.พญาไท ถ.ราชวิถี ถ.ศรีอยุธยา และ ถ.พระรามหก) ซึ่งมีสถาบันการแพทย์ทั้งของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และภาคเอกชนอยู่ โดยมีความพร้อมทั้งอาคารสถานที่ บุคลากร ความสามารถในเชิงนวัตกรรม อีกทั้งมีการตั้งคณะอนุกรรมการด้านการบริหารจัดการแบ่งปันทรัพยากรด้านสุขภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทรัพยากร อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ถูกใช้อย่างเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงทำให้ประชาชนหรือผู้รับบริการเกิดความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการโอนย้ายโรงพยาบาลในกรณีที่โรงพยาบาลของผู้ป่วยมีผู้เข้ารับบริการเต็ม
ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 หน่วยบริการในย่านโยธีได้จัดระบบการดูแลและส่งต่อ เริ่มจากการผ่าตัด จะมีโรงพยาบาลที่ผ่าตัด เช่น โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นผู้ทำการผ่าตัดแต่ไม่มีเตียงว่างให้ผู้ป่วยนอน ก็จะส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่อัตราการใช้เตียงไม่หนาแน่น เช่น โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เพื่อดูแลหลังผ่าตัดไปจนกระทั่งจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
อย่างไรก็ดี การจัดระบบบริการและการส่งต่อลักษณะนี้ จำเป็นต้องมีการปรับรูปแบบการจ่ายเงินชดเชยค่าบริการ ซึ่งบอร์ด สปสช. ได้อนุมัติหลักเกณฑ์การจ่ายแล้ว โดยจากเดิมที่จ่ายด้วยระบบกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมหรือ DRG เปลี่ยนเป็นจ่ายให้โรงพยาบาลที่ทำการผ่าตัดแบบ Fee Schedule ตามการวินิจฉัยและการผ่าตัด ขณะที่โรงพยาบาลที่รับดูแลหลังผ่าตัดจะจ่ายด้วยระบบ DRG ทั้งนี้ งบประมาณที่ สปสช. ใช้เพื่อจ่ายชดเชยค่าบริการให้แก่หน่วยบริการในย่านโยธีจะไม่เพิ่มมากขึ้น เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีการจ่ายเท่านั้น
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
แหล่งที่มา: https://www.nhso.go.th/news/3619