เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เผยผู้มีสิทธิบัตรทองกลุ่ม LGBTQ+ สามารถผ่าตัดแปลงเพศได้ โดยโรงพยาบาลสามารถเบิกผ่านระบบ DRG ขณะนี้เร่งหารือกำหนดเกณฑ์การพิจารณาผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งครอบคลุมการทำหัตถการ 8 – 9 รายการให้ชัดเจน รวมถึงการพิจารณาใช้ยาฮอร์โมนตามงบส่งเสริมสุขภาพ คาดแล้วเสร็จใน 1 – 2 เดือน
2 ธันวาคม พ.ศ. 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. อธิบายถึงกรณีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ่าตัดแปลงเพศสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการพิจารณาชัดเจนว่ากรณีใดทำได้หรือไม่ได้ จึงมีการหารือหลายประเด็น ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค รักษาฟื้นฟูครบทุกกระบวนการ เช่น การใช้ฮอร์โมนจนถึงแปลงเพศ โดยฮอร์โมนที่ไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติก็ต้องดูตามรายละเอียด ในด้านของข้อบ่งชี้ หากแพทย์พิจารณาว่ากรณีฝั่งผู้รับบริการมีลักษณะเพศสภาพไม่ตรงกับจิตใจและร่างกาย ที่หากปล่อยไว้จะเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิต และความเป็นอยู่สามารถพิจารณาทำให้ได้
นพ.จเด็จ อธิบายว่า กรณีนี้รองรับการเบิกตามระบบ DRG แต่ต้องหารือเรื่องราคา เพื่อให้ครอบคลุมการผ่าตัดแปลงเพศ และหัตถการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศราคาค่อนข้างสูง ขณะนี้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมเพศวิทยาคลินิกและเวชศาสตร์ทางเพศ กำลังจัดทำคู่มือแนวทางซึ่งมี 8 – 9 หัตถการที่ต้องทำ อาทิ ตัดกราม ผ่าตัดหน้าอก ผ่าตัดอวัยวะเพศ โดยแต่ละหัตถการจะแยกเป็น 1 DRG คาดว่าแล้วเสร็จใน 1 – 2 เดือน สำหรับยาฮอร์โมนจะใช้งบส่งเสริมป้องกันโรค (PP) โดยต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดเกณฑ์ให้แพทย์พิจารณาว่าผู้ป่วยต้องใช้ยา คาดว่าใช้เวลา 1 – 2 เดือนเช่นกัน
แหล่งที่มา: https://www.hfocus.org/content/2023/12/29129