สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการรักษาผู้ประกันตนที่ข้อเข่าเสื่อมด้วย ‘พลาสมาคุณภาพสูง’ สำหรับผู้ประกันตนที่มีข้อบ่งชี้ และไม่มีข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีด พร้อมระบุห้ามสถานเรียกเก็บค่าบริการส่วนเกินเพิ่มจากผู้ประกันตน ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 3 เมษายน 2567 ถึง 3 เมษายน 2568
พล.ต.ท.ธนา ธุระเจน ประธานกรรมการการแพทย์ สปส. ลงนามในประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง “หลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีการรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยพลาสมาคุณภาพสูง (Plasma Rich Growth Factor (PRGF))” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 3 เมษายน พ.ศ. 2567 – 3 เมษายน พ.ศ. 2568 เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนตามมติที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ ครั้งที่ 10/2566 และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการประกันสังคม (ชุดที่ 13) ในการประชุมครั้งที่ 22/2566
หลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยพลาสมาคุณภาพสูง มีดังนี้ คือ(1) ให้ สปส. จ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่สถานพยาบาลที่ทำการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการฉีดพลาสมาคุณภาพสูง ในอัตราครั้งละ 3,870 บาท ไม่เกิน 2 ครั้ง/ปี และไม่เก็บส่วนเกินจากผู้ประกันตน (2) ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อม และต้องให้การรักษาด้วยการฉีดพลาสมาคุณภาพสูง จะต้องมีข้อบ่งชี้สำหรับการรักษา (3) สถานพยาบาลที่ให้บริการฯ ต้องติดตามประเมินผลการรักษา โดยรายงานข้อมูลตัวชี้วัด และข้อมูลการให้บริการทางการแพทย์ เพื่อขอรับค่าบริการทางการแพทย์ดังกล่าวต่อ สปส. ตามแนวทางที่ สปส. กำหนด
ในส่วนของข้อบ่งชี้สำหรับการรักษา ได้แก่ ผู้ป่วยมีข้อเข่าเสื่อมระยะต้นและระยะปลายที่รักษาด้วยวิธี การรับประทานยาแล้วไม่ได้ผล ผู้ป่วยที่รับประทานยาหรือทำกายภาพบำบัด และได้รับการฉีดยาสเตียรอยด์แล้วอาการไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้ เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนจากยา ระบบทางเดินอาหารและไต และมีโรคที่รับประทานยาแก้อักเสบไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคกะเพาะอาหาร ฯลฯ และไม่มีพยาธิสภาพที่เป็นข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีด
แหล่งที่มา: https://www.thecoverage.info/news/content/6561