รศ. นพ. ขวัญชัย ไพโรจน์สกุล
สาขาวิชาโรคไต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล
สรุปเนื้อหางานประชุมวิชาการประจำปี 2568 ครั้งที่ 23 สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
ความสำคัญ
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการศึกษาจำนวนมากที่รายงานอัตราเสี่ยงของภาวะความดันเลือดสูงในเด็กและวัยรุ่นต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจในวัยกลางคน การศึกษาโดยส่วนใหญ่ที่เป็น retrospective cohort study รายงานว่า ภาวะความดันเลือดสูงในเด็กและวัยรุ่นก่อนอายุ 19 ปี เพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง (cerebrovascular disease) โรคหัวใจ (cardiovascular disease) ตลอดจนการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ (all-cause mortality) ในระยะเวลา 20 – 30 ปีต่อมา ประมาณ 2 – 3 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่มีภาวะความดันเลือดสูง1-7 ดังนั้น การรณรงค์เพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของภาวะความดันเลือดสูงในผู้ใหญ่นั้น ควรเริ่มจากการป้องกัน วินิจฉัยและรักษาภาวะความดันเลือดสูงในเด็กและวัยรุ่น
ความชุก
การสำรวจของ Thai National Health and Examination Survey ครั้งที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2565 ในเด็กและวัยรุ่นอายุ 10 – 19 ปี จำนวน 3,539 ราย พบความชุกของภาวะความดันเลือดสูงร้อยละ 9.4 อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้เป็นการสำรวจโดยการวัดความดันเลือดเพียง 1 ครั้ง ความชุกที่รายงานจึงอาจจะไม่ใช่ความชุกของภาวะความดันเลือดสูงที่แท้จริง ในทางเวชปฏิบัติ ภาวะความดันเลือดสูงจะวินิจฉัยเมื่อตรวจพบว่าเด็กมีความดันเลือดสูงตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป
การคัดกรอง
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำแนวทางการดูแลสุขภาพเด็กเมื่อปี พ.ศ. 2564 เรื่องการคัดกรองภาวะความดันเลือดสูงในสถานพยาบาล แนะนำให้วัดความดันเลือดในเด็กปกติตั้งแต่อายุ 4 ปี และหลังจากนั้น ช่วงอายุ 6 – 7, 10 – 11, 11 – 13, 14 – 17 และ 18 – 21 ปี ให้วัดความดันเลือดช่วงอายุละ 1 ครั้ง ในกรณีที่สถานพยาบาลมีกุมารแพทย์ แนะนำให้ใช้เกณฑ์การวินิจฉัยของ American Academy of Pediatrics (AAP) ปี พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การวินิจฉัยของ AAP มีความซับซ้อน จึงอาจจะไม่เหมาะสมในการนำไปใช้ในกรณีที่ไม่มีกุมารแพทย์ ชมรมโรคไตเด็กแห่งประเทศไทย9 จึงแนะนำให้ใช้เกณฑ์การคัดกรองภาวะความดันเลือดสูงอย่างง่ายสำหรับบุคลากรสาธารณสุขที่ไม่ใช่กุมารแพทย์ โดยใช้ค่าความดันเลือด 120/80 มม.ปรอท สำหรับเด็กอายุ 6 – 12 ปี (เด็กที่ศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา) และค่าความดันเลือด 130/80 มม.ปรอท สำหรับเด็กอายุ 13 – 17 ปี (เด็กที่ศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา) เป็นค่าคัดกรอง10 ดังนั้น ถ้าบุคลากรสาธารณสุขตรวจพบเด็กที่มีความดันเลือดสูงตามเกณฑ์การคัดกรองอย่างง่ายข้างต้น ควรพิจารณาส่งไปพบกุมารแพทย์เพื่อยืนยันการวินิจฉัยต่อไป (รูปที่ 1)
รูปที่ 1 การคัดกรองภาวะความดันเลือดสูง ในกรณีที่ไม่มีกุมารแพทย์
การวินิจฉัยจากการวัดความดันเลือดในสถานพยาบาล (office blood pressure)
เนื่องจากในแนวทางการวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูงในเด็กและวัยรุ่นในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ปัจจุบัน กุมารแพทย์ไทยจึงนิยมใช้เกณฑ์ของ AAP ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งแบ่งตามช่วงอายุดังนี้
เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูงในเด็กอายุ 1 – 12 ปี คือความดันเลือดซิสโตลิกหรือไดแอสโตลิกตั้งแต่เปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 อ้างอิงตามเพศ อายุและความสูง (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 ตารางค่าความดันเลือดซิสโตลิก / ไดแอสโตลิก (มม.ปรอท) เปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 จากการวัดความดันเลือดในสถานพยาบาล
และในเด็กอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 13 ปี คือความดันเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 130/80 มม.ปรอท (รูปที่ 2) โดยจะให้การวินิจฉัยเมื่อตรวจพบความดันเลือดสูงมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งในช่วงเวลา 3 – 4 เดือน แต่สามารถวินิจฉัยได้ทันทีในกรณีที่เด็กมีอาการของภาวะความดันเลือดสูง เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่า ชัก
รูปที่ 2 การคัดกรองภาวะความดันเลือดสูง ในกรณีที่มีกุมารแพทย์
การวัดความดันเลือดแบบ ambulatory blood pressure monitoring (ABPM)
ในประเทศไทย เริ่มมีการวัดความดันเลือดแบบ ABPM ในเด็กและวัยรุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยสาขาวิชาโรคไต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ต่อมามีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshop) การวัดความดันเลือดแบบ ABPM ระหว่างสมาชิกของชมรมโรคไตเด็กแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2562 และ 2563 ในปัจจุบัน กุมารแพทย์โรคไตหลายสถาบันทั่วประเทศสามารถให้บริการวัดความดันเลือดแบบ ABPM ได้ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ วชิรพยาบาล โรงพยาบาลชลประทาน ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ องครักษ์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลลำปาง โรงพยาบาลพุทธชินราช โรงพยาบาลจันทบุรี โรงพยาบาลพุทธชินราช เป็นต้น
การวัดความดันเลือดแบบ ABPM มีความสำคัญ และ AAP แนะนำให้ตรวจในผู้ป่วยเด็กที่มีความดันเลือดสูงในสถานพยาบาลตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อยืนยันการวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูง (ambulatory hypertension)11 และแยกภาวะความดันเลือดสูง white coat ออกไป การวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูงโดยใช้การวัดความดันเลือดแบบ ABPM นั้น ปัจจุบัน กุมารแพทย์ไทยใช้เกณฑ์การวินิจฉัยของ American Heart Association ปี พ.ศ. 256512 ดังตารางที่ 2 และ 3 การศึกษาเบื้องต้นของกลุ่มวิจัยสหสถาบันในประเทศไทยพบว่า ผู้ป่วยเด็กจำนวน 182 รายที่มีความดันเลือดสูงในสถานพยาบาลและได้รับการวัดความดันเลือดแบบ ABPM ผลการตรวจพบว่ามีภาวะความดันเลือดสูงจำนวน 124 ราย (ร้อยละ 68) และมีภาวะความดันเลือดสูง white coat จำนวน 58 ราย (ร้อยละ 32)
ตารางที่ 2 เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูงจากการวัดความดันเลือดแบบ ABPM ของ American Heart Association ปี พ.ศ. 2565$สำหรับเวลาตื่น เวลาหลับ หรือ 24 ชั่วโมง
ตารางที่ 3 ตารางค่าความดันเลือดซิสโตลิก / ไดแอสโตลิก (มม.ปรอท) เปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 จากการวัดความดันเลือดแบบ ABPM ในเด็กและวัยรุ่นชายและหญิง
การวัดความดันเลือดแบบ ABPM ไม่เพียงแต่ช่วยยืนยันการวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูง แต่ยังช่วยในการติดตามผลการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูง การศึกษาในผู้ป่วยเด็กไทยที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูงจำนวน 108 ราย พบว่าผู้ป่วยที่ยังไม่สามารถควบคุมความดันเลือดได้ตามเป้าหมาย (uncontrolled hypertension) จากการวัดความดันเลือดในสถานพยาบาลร้อยละ 58 แต่ตรวจพบถึงร้อยละ 67 จากการวัดความดันเลือดแบบ ABPM13
สรุป
ภาวะความดันเลือดสูงในเด็กและวัยรุ่นมีรายงานความชุกเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน การศึกษาพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจในอนาคต ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้คัดกรองความดันเลือดในเด็กปกติตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป โดยใช้เกณฑ์การคัดกรองอย่างง่ายสำหรับบุคลากรสาธารณสุขที่ไม่ใช่กุมารแพทย์ สำหรับกุมารแพทย์ สามารถให้การวินิจฉัยภาวะความดันเลือดสูงได้ถ้าตรวจพบความดันเลือดสูงตามเกณฑ์การวินิจฉัยของ AAP พ.ศ. 2560 ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป แต่ในกรณีที่สามารถส่งตรวจความดันเลือดแบบ ABPM ได้ กุมารแพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยเนื่องจากผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 3 มีภาวะความดันเลือดสูง white coat
- Jacobs DR, Jr., Woo JG, Sinaiko AR, et al. Childhood Cardiovascular Risk Factors and Adult Cardiovascular Events. N Engl J Med. May 19 2022;386(20):1877-1888. doi:10.1056/NEJMoa2109191
- Juhola J, Magnussen CG, Berenson GS, et al. Combined effects of child and adult elevated blood pressure on subclinical atherosclerosis: The International Childhood Cardiovascular Cohort Consortium. Circulation. Jul 16 2013;128(3):217-24. doi:10.1161/CIRCULATIONAHA.113.001614
- Juonala M, Magnussen CG, Venn A, et al. Influence of age on associations between childhood risk factors and carotid intima-media thickness in adulthood: The Cardiovascular Risk in Young Finns Study, the Childhood Determinants of Adult Health Study, the Bogalusa Heart Study, and the Muscatine Study for the International Childhood Cardiovascular Cohort (i3C) Consortium. Circulation. Dec 14 2010;122(24):2514-20. doi:10.1161/CIRCULATIONAHA.110.966465
- Leiba A, Fishman B, Twig G, et al. Association of adolescent hypertension with future end-stage renal disease. JAMA internal medicine. Apr 1 2019;179(4):517-523. doi:10.1001/jamainternmed.2018.7632
- Leiba A, Twig G, Levine H, et al. Hypertension in late adolescence and cardiovascular mortality in midlife: A cohort study of 2.3 million 16- to 19-year-old examinees. Pediatric nephrology (Berlin, Germany). Mar 2016;31(3):485-92. doi:10.1007/s00467-015-3240-1
- National High Blood Pressure Education Program Working Group on High Blood Pressure in C, Adolescents. The fourth report on the diagnosis, evaluation, and treatment of high blood pressure in children and adolescents. Pediatrics. Aug 2004;114(2 Suppl 4th Report):555-76.
- Sundstrom J, Neovius M, Tynelius P, Rasmussen F. Association of blood pressure in late adolescence with subsequent mortality: Cohort study of Swedish male conscripts. BMJ. Feb 22 2011;342:d643. doi:10.1136/bmj.d643
- Pirojsakul K, Aekplakorn W, Siwarom S, et al. Sleep duration and risk of high blood pressure in Thai adolescents: the Thai National Health Examination Survey V, 2014 (NHES-V). BMC Public Health. Oct 29 2022;22(1):1983. doi:10.1186/s12889-022-14430-z
- Thai Pediatric Nephrology Association. Statement on the pediatric blood pressure cut-off for screening by non-pediatrician healthcare professionals in Thailand. 2024.
- Yang L, Qiao Y, Zhao M, Xi B. A proposal to simplify the definition of pediatric hypertension: bridging the gap between perception and action. BMC Medicine. 2024/12/20 2024;22(1):596. doi:10.1186/s12916-024-03825-x
- Flynn JT, Kaelber DC, Baker-Smith CM, et al. Clinical Practice Guideline for Screening and Management of High Blood Pressure in Children and Adolescents. Pediatrics. Sep 2017;140(3)doi:10.1542/peds.2017-1904
- Flynn JT, Urbina EM, Brady TM, et al. Ambulatory Blood Pressure Monitoring in Children and Adolescents: 2022 Update: A Scientific Statement From the American Heart Association. Hypertension. Jul 2022;79(7):e114-e124. doi:10.1161/hyp.0000000000000215
- Vigraijaroenying K, Pirojsakul K, Katanyuwong P, et al. Control of blood pressure in hypertensive children and adolescents assessed by ambulatory blood pressure monitoring. BMC Pediatr. Apr 25 2024;24(1):269. doi:10.1186/s12887-024-04732-z