“ทำอย่างไรถึงจะมีความสุขกับงานหนัก ศาสตร์หรือศิลป์?”
รศ. นพ. สมภพ พระธานี
อดีตผู้อำนวยการ ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นายกสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย
บทสัมภาษณ์จากวารสาร CVM ฉบับที่ 110 ปี 2562
แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนแพทย์ โดยเฉพาะสาขาศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก
การเป็นเด็กต่างจังหวัดเรียนประถม มัธยมจากต่างจังหวัด การเลือกเรียนแพทย์ถือว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เป็นหน้าเป็นตาแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูลเป็นอย่างยิ่งและด้วยความที่คุณพ่อเป็นเจ้าหน้าที่สุขาภิบาล เขาจะให้แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ จึงรู้สึกสนใจด้านนี้ คุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่ ผมไปสอบระบบโควตาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังจากนั้นเรียนปรีคลินิก 2 ปี คลินิก 4 ปี เป็นหลักสูตรใหม่ของประเทศไทยในยุคนั้น
ระหว่างเรียน ในช่วงแรกรู้สึกตื่นเต้นและกลัวเพราะเจอเรื่องกายวิภาคศาสตร์ที่ต้องเรียนกับครูใหญ่ที่ไม่มีชีวิต แต่พอเวลาผ่านไปก็หายกลัว และเข้าใจว่าชีวิตคนจริง ๆ เป็นอย่างไร ในความรู้สึกส่วนตัวคิดว่า กายวิภาคศาสตร์เป็นพื้นฐานทุกอย่างของการแพทย์ และถือว่าเป็นกุญแจสำคัญของการทำงานด้านศัลยกรรม ขณะนั้นผมเรียนแพทย์เป็นรุ่น 2 ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประทับใจว่า ถึงแม้จะมีความขาดแคลน เนื่องจากต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมด บุคลากรและอุปกรณ์ไม่พร้อม โรงพยาบาลไม่มีต้องไปอยู่โรงพยาบาลชั่วคราว (hut hospital) ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และต้องไปอาศัยเรียนที่ โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อเป็นที่ฝึกทางคลินิก แม้จะขาดแคลนทุก ๆ อย่าง ยกเว้นจำนวนคนไข้ แต่กลายเป็นว่าอาจารย์กับลูกศิษย์มีความใกล้ชิดกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน ความรู้ส่วนใหญ่ได้จากอาจารย์ และจาก Text ซึ่งหายาก มีแต่ภาษาอังกฤษ นั่นทำให้เราได้ความรู้จากอาจารย์ระดับหัวกะทิและยังได้ทักษะทางภาษาอังกฤษจาก text book พอปี 6 ไปเป็นเอ็กเทิร์นตามโรงพยาบาลอำเภอ เช่น โรงพยาบาลอำเภอพิมาย โรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะนั้นรู้สึกประทับใจ เพราะถึงแม้ยังไม่ได้เป็นแพทย์ ไม่มีเงินเดือน แต่ได้รับผิดชอบคนไข้ หลายครั้งมีโอกาสได้ดูแลโรงพยาบาลเนื่องจากความขาดแคลนของแพทย์ หลังจากนั้นไปอินเทิร์นเป็นแพทย์ทั่วไป ที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี 1 ปี เวียนไปทุกวอร์ด ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชอบและสนุกที่สุดในชีวิต ได้เป็นแพทย์ ได้ดูแลคนไข้มีคนนับถือให้เกียรติ และที่นั่นเป็นบ้านของคุณแม่ คุณแม่เป็นคนอุบลราชธานี จังหวัดนี้ผู้คนเป็นมิตรและมีวัฒนธรรมที่ดี หลังจากนั้น ศ.นพ.ทองอวบ อุตรวิเชียร หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาชวนให้เรียนศัลยแพทย์ทั่วไป จึงมาเรียนต่อศัลยศาสตร์ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3 ปี โดยเป็นลูกจ้างชั่วคราว งานแพทย์ประจำบ้าน เป็นงานที่หนัก ต้องมีความรับผิดชอบมาก จบแพทย์ประจำบ้านจึงได้บรรจุเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ ถามว่าชอบอาชีพอาจารย์แพทย์ไหม ผมถือว่าเป็นสัมมาอาชีพที่ต้องปฏิบัติให้ดี เพราะอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ทำเป็นตัวอย่างแล้ว ถ้าทำไม่ดีเราก็ไม่สมควรเป็นอาจารย์ ทำงานได้ 1 ปี อาจารย์ทองอวบแนะนำให้ไปเรียนศัลยแพทย์ทรวงอก เพราะที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีแต่ศัลยแพทย์ทั่วไป จึงไปเรียนที่โรงพยาบาลราชวิถี อีก 2 ปี ทางด้าน Thoracic surgery กับ ศ.นพ. พันธุ์พิษณุ์ สาครพันธ์และ อจ.สุรีย์ อรรถไพศาลศรุดี ซึ่งเก่งทางด้านการผ่าตัดลิ้นหัวใจ
เหตุที่ชอบศัลยแพทย์ทรวงอก เพราะในบรรดาศัลยกรรมสาขาต่าง ๆ งานนี้น่าจะเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของเราและทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ ถ้าเราไม่เก่งจริงก็จะไม่ผ่านตรงนี้ เนื่องจากอวัยวะหัวใจในสมัยก่อนถือว่าเป็นอวัยวะที่ห้ามแตะต้อง เพราะถือว่าเป็น untouchable organ เป็นความเป็นความตายของคนไข้ ตอนเรียนที่ราชวิถีในสมัยนั้นเทคโนโลยีเครื่องมือยังไม่พร้อมเท่าปัจจุบัน การดูแลกล้ามเนื้อหัวใจ ความรู้ยังไม่ก้าวหน้าอย่างเช่นทุกวันนี้ แต่ ณ ขณะนั้นถือว่าเราทำดีที่สุดแม้จะยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้ แต่มีการติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว การทำงานช่วงนั้นหนักมากคือ นอนไม่พอ ความกดดันจากการทำงานมีตลอดเวลา แต่ลูกศิษย์ที่เรียนจบมาจะได้ดีทุกคน
จากนั้นกลับมาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2 ปี และไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 6 เดือน โดยไปที่ University of Minnesota และ Mayo Clinic Portland, Toronto, Chicago หลังจากนั้นกลับมาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สิ่งที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุด
สิ่งที่ภูมิใจเรื่องแรก คือ ได้เป็นศัลยแพทย์ทรวงอก รู้สึกภูมิใจที่สามารถผ่านอุปสรรคที่แสนยากจนมาถึงจุดที่ฝันและโชคดีด้วยที่พบเจอครูที่ดีพร้อมตลอดชีวิตการเรียน นอกจากครู อาจารย์ดีที่ ช่วยชี้แนะแล้ว บุคคลอื่น ๆ เช่น เพื่อน ๆ ผู้ร่วมงานทั้งหลาย ผู้ป่วยที่ช่วยสร้างความรู้ ความชำนาญล้วนมีส่วนร่วมในการสร้างแพทย์ที่ดี ที่ขาดไม่ได้คือ ครอบครัวที่อบอุ่นช่วยให้ผ่านความลำบากต่าง ๆ มาได้
เรื่องที่สอง การที่ได้เป็นนายกสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย เป็นความภูมิใจที่ได้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกที่ทำงานร่วมวิชาชีพและทุกคนโหวตให้เป็นนายกสมาคม
เรื่องที่สาม การที่ได้เป็นผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผมไม่ใช่คนแรกที่เป็นผู้อำนวยการที่นี่ แต่เป็นคนแรกที่มาจากการสรรหา มีการเสนอชื่อ มีการโหวต มีกรรมการสอบสัมภาษณ์ มีการแต่งตั้งโดยสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นและเริ่มการผ่าตัดหัวใจชนิดเปิดครั้งแรกที่นี่
ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ
ปัจจัยแรกน่าจะมาจากการทำงานโดยมีหลักการ ผมยึดหลักอิทธิบาท 4 ในการดำเนินชีวิตให้สำเร็จ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ความรัก ชอบในสิ่งที่ทำ ความขยันหมั่นเพียรในงานที่ทำการรู้จักวิเคราะห์ พัฒนาปรับปรุงแก้ไข และทำให้มันดี ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จถ้ารักใครชอบใครและทำใจรักแค่ครึ่งเดียวจะทำได้ไม่ดี เราต้องรักและทุ่มเท 100% จะทำให้เราพัฒนาเรื่องความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคทั้งหลายได้เต็มที่ เวลามีปัญหาตรงไหน ทำไมตรงนี้ทำช้า ต้องไปศึกษา ไปเปิด Text หรือสอบถามผู้รู้จะทำให้ความสามารถในการดูแลรักษาคนไข้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเรื่องการผ่าตัดลิ้นหัวใจ จำนวนคนไข้ที่ได้รับการอนุมัติให้รับการผ่าตัดมีไม่เพียงพอกับคนไข้ที่รอคิว ทำให้เกิด drop dead ขึ้น เราแก้ปัญหาโดย เอาทรัพยากรที่มีทุกอย่างมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ระดมสมองแพทย์หลายสาขา สุดท้ายทำให้เกิดชมรมแพทย์โรคหัวใจแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นมา เพื่อแก้ไขการขาดแคลนทรัพยากร และเสนอให้มีการจัดตั้ง ศูนย์หัวใจสิริกิติ์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน จนกระทั่งสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นอนุมัติ และจัดตั้งศูนย์หัวใจให้ฐานะระยะเริ่มต้นเทียบเท่า faculty
ปัจจัยที่สองระบบคุณภาพ Healthcare Accreditation (HA) เป็นแนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การคิดเป็นระบบ มีการบริหารจัดการที่ดี รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร เครื่องมือที่ใช้เป็นอะไร และวัดผลอย่างไร ระบบคุณภาพมีเครื่องมือ ถ้ามีปัญหาจะทำอย่างไร การประชุมที่ดีควรประชุมอย่างไร องค์ประกอบคืออะไร การบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จประกอบด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง การพัฒนาบุคลากรจะพัฒนาอย่างไร ดัชนีชี้วัดความสำเร็จต้องมีอะไร ทุกอย่างที่กล่าวมามีองค์ความรู้อยู่ในระบบ HA
ปัจจัยที่สาม แพทย์ต้องเป็นตัวอย่างของชาวบ้านในการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจของตัวเอง ผมดูแลสุขภาพของตัวเองมาตั้งแต่ต้น เวลาผมรู้สึกเครียด กดดัน ผมไปวิ่ง ซึ่งทำมาตลอด ผมเป็นนักกีฬา เล่นกีฬามาหลายชนิด ทั้งทีมบาสเกตบอล ทีมแบดมินตัน ทีมตะกร้อ
ทางด้านจิตใจ ผมศึกษาธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิต อานาปานสติการกำหนดลมหายใจ รู้จักมาตั้งแต่ประถม ปัจจุบันนี้ก็ยังทำอยู่ และยังเจริญสติปัฏฐาน 4 อยู่เป็นประจำ ให้รู้ว่าเวลาทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์เป็นอย่างไร นำมรรคมีองค์ 8 และอริยสัจ 4 มาใช้ เป็นต้น
กว่าจะถึงวันที่ประสบความสำเร็จ เจออุปสรรคอะไรบ้าง แล้วเอาชนะอย่างไร
ถ้าเป็นเรื่องครอบครัว เนื่องจากครอบครัวผมมาจากข้าราชการชั้นจัตวา จึงมีเงินจำกัด แต่พ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกชายทั้ง 7 คน ต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับการอยู่แบบพอเพียง พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ต้องกินน้อยอยู่เขียม
เรื่องสุขภาพ ผมดูแลสุขภาพมาตลอดจนกระทั่งปี พ.ศ. 2556 ผมเป็น Heart attack และหัวใจหยุดเต้น ที่เขาเรียกว่า หมองูตายเพราะงู ขณะที่ไปเป็นวิทยากรการประชุมที่จังหวัดอุบลราชธานี ผมรู้สึกแน่นหน้าอก และสงสัยว่าเป็นโรคหัวใจ เข้าห้องสวนหัวใจและใส่ stent เส้นเลือดหัวใจจึงรอดมาได้ เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่มีไขมันในเลือดสูง ตัวการนี้ทำให้มีการหนาตัวของเส้นเลือดหัวใจ และผนังเส้นเลือดหัวใจก็แตกและตัน การออกกำลังกายไม่ได้เป็นการการันตีว่าจะไม่เป็นโรคหัวใจ เพราะวันก่อนยังไปวิ่งอยู่เลย ดังนั้นต้องดูแลไขมันให้ต่ำลง จากเดิมไม่เคยกินยาลดไขมันก็ต้องกิน คุมอาหาร ออกกำลังกาย ใช้เวลาฟื้นตัวเป็นเดือน ถือเป็นประสปการณ์เฉียดตายที่ต้องจดจำ
ถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้บางเรื่อง อยากกลับไปทำเรื่องใดมากที่สุด
ปัจจุบันมีลูก 2 คน ใจจริงอยากมี 3 คน เพราะจะได้อบอุ่น เดิมตั้งเป้าไว้อยากมี 4 คน แต่พอภรรยาคลอดลูกคนแรก ดูทรมานเหลือเกิน เลยลดลงเหลือ 3 คน พอคลอดคนที่ 2 ต้องผ่าตัดออก รู้สึกสงสาร เพราะตอนผ่าตัดต้องบล็อกหลังแล้วเกิดแบบ high block ขึ้นมาสูงจนหายใจไม่ได้ ต้องใส่ Endotracheal Tube คิดว่าเจ็บ ทรมาน และการคลอดแต่ละครั้งเสี่ยง จึงมีลูกแค่ 2 คน แต่ก็ยังอยากมีลูกมากกว่านี้
ใครคือบุคคลที่เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน
คนแรกคือ คุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อเป็นต้นแบบในการสู้ชีวิต ท่านเป็นข้าราชการชั้นจัตวา ต้องทำงานนอกเวลาเกือบทุกวัน เพื่อจะได้เบี้ยเลี้ยงมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งมีลูกชายถึง 7 คน ทั้งดื้อ ซนกำลังกินกำลังนอน คุณแม่ จบชั้น ป.4 แต่ท่านเป็นคนที่ genius และมี common sense สามารถดูแลลูกได้ดี ปลูกฝังว่าชอบอะไรก็เรียนอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรจะซ้ำกัน พี่น้องผมมีหลากหลายอาชีพ เพราะจะได้พึ่งพากัน
คนที่สอง ศ.นพ.ทองอวบ อุตรวิเชียร ผู้ก่อตั้งภาควิชาศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่านเป็นต้นแบบทางด้านเป็นนักวิชาการตัวจริง ตอนนี้อายุกว่า 80 ปี ยังเลกเชอร์นักศึกษาแพทย์อยู่เลย อาจารย์ผ่าตัดจนกระทั่งเดินไม่ได้ ถึงจะหยุดผ่าตัด ท่านค้นคว้าความรู้ อัปเดตตลอด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจริยธรรมทั้งหลาย ต้องให้อาจารย์เป็นต้นแบบ สอนการดูแลคนไข้แบบองค์รวม อาจารย์ดูแลคนไข้ไม่เคยเกิดปัญหา ดูแลเหมือนญาติ
คนที่สาม ศ.นพ.พันธุ์พิษณุ์ สาครพันธ์ จุดแข็งของอาจารย์ท่านเป็นคน genius ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย คนหนุ่มสาวที่เก่ง ๆ อ่านเรื่องเดียวกันกับอาจารย์ อาจารย์อ่านแตกฉานกว่า อาจารย์ศึกษาธรรมะจนกระทั่งไปสอนพระพุทธธรรมแก่พระภิกษุที่ไปเรียนที่ มหาจุฬาลงกรณ์ ตอนอาจารย์เกษียณ อาจารย์ทำหนังสือธรรมะเล่มใหญ่ เขียนด้วยตัวเอง ถ้าไปถกธรรมะกับอาจารย์ อาจารย์จะพูดได้แตกฉานและลึกซึ้งมาก
คติหรือหลักการที่ยึดถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิต
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” พระราชปณิธานของพระราชบิดา เรื่องภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลคนไข้ ให้ถือเป็นภาระที่หนึ่ง เอาให้เต็มที่ ทุ่มเท อย่าหวังร่ำรวย อย่างอื่นจะตามมาเอง
อีกคติที่ยึดถือ อตฺตานํ อุปฺมํ กเร คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา รักษาคนไข้เหมือนญาติมิตร อะไรที่เราไม่ชอบ โอกาสที่คนอื่นจะไม่ชอบมันก็มาก เราชอบคำพูดหวาน ๆ ก็อย่าไปตะคอกคนไข้ เราเจ็บป่วยต้องการการดูแล ต้องการเข้าใจโรคอย่างแจ่มแจ้ง คนไข้ก็เหมือนกัน ต้องบอกเขาว่าเป็นอะไร เวลาจะตัดสินใจทำอะไรกับเขา บอกทางเลือกและข้อดีข้อเสีย ทำแล้วจะเกิดปัญหาอะไรบ้าง ปฏิบัติตัวระหว่างการรักษาและหลังการรักษาอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะไม่เกิดปัญหาเรื่องนี้อีก ต้องอธิบายให้แจ่มแจ้ง และที่สำคัญเราต้องมีเกราะในการป้องกันการประกอบวิชาชีพแพทย์ กล่าวคือ 1. ความรู้ คือ ต้องมีความรู้ก่อน ถึงจะไปรักษาเขาได้ อย่าไปรักษาแบบไม่มีความรู้ 2. ต้องมีจริยา คือ ต้องมีจริยธรรมความเมตตา กรุณา ต้องมีความเป็นมืออาชีพ รู้ว่าอาชีพเราทำอย่างไร ทำวิธีไหนเอาใจใส่คนไข้ ไม่ใช่หวังจะไปเอาเปรียบเขา ไปคุกคามเขา เอาความลับไปเปิดเผย 3. ปัญญา คือรู้จักคิด วิเคราะห์และนำไปใช้ให้เหมาะสมให้ถูกทาง พัฒนาต่อเนื่องมันมีปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้มันเปลี่ยนไปตามสังคม ตามปัจจัย เพราะฉะนั้นแพทย์ต้องก้าวทัน ถ้าทำอย่างนี้จะเป็นเกราะป้องกันทุกวิชาชีพ
มองการแพทย์ของเมืองไทยว่าอย่างไร ทิศทางในอนาคตเป็นอย่างไร
การแพทย์เมืองไทย WHO เขาว่าเรา เป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างของระบบสุขภาพที่ดี เราทุกคนต้องต่อยอด ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรกับทรัพยากรขนาดนี้ จะทำให้ระบบบริการสุขภาพมันก้าวไปข้างหน้าอย่างไร ตอนนี้เทคโนโลยีการรักษาคนไข้เราเป็นอย่างไรเมื่อเทียบเคียงกับต่างประเทศ ผมคิดว่า แบบเราดีสุด ๆ กับเขาดีสุด ๆ มันต่างกันไม่มากเท่าไร แต่จะกระจายการบริการประสิทธิภาพการดูแลให้ทั่วทั้งคน 70 ล้านได้อย่างไร ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกัน เทคโนโลยีที่เป็นไฮเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้เยอะมาก ทาง Cardiothoracic มีอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาเยอะ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่ามันเหมาะกับประเทศเราไหม เหมาะกับการที่จะบริการทุกคนไหม คือ ไม่ใช่ทำเสร็จแล้วก็ขาดทุนต้องคิดและชั่งใจ ในขณะที่เราจน เราต้องเอาอิ่มท้องก่อน ถ้าเป็นเรื่องโรค ต้องเอาหายก่อน อย่าเพิ่งเอาสวยงาม ให้ทุกคนมีชีวิต ช่วยตัวเอง ไม่เป็นภาระต่อสังคม เราจะทำกันอย่างไร ไม่ใช่ทุกคนสวยหมด แต่ไม่อิ่มท้องก็จะแย่ไป เป็นอย่างนั้นไม่ได้
ข้อแนะนำให้แพทย์รุ่นใหม่ว่าจะสำเร็จต้องทำอย่างไร
สำหรับแพทย์ทั่ว ๆ ไป เราต้องยึดหลัก อิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา จะทำให้อาชีพการงานก้าวไปข้างหน้า และขอให้ทุกคนศึกษาหาความรู้ทางการแพทย์ ซึ่งเปลี่ยนไปทุกวินาที อย่าให้เป็นแพทย์ปัจจุบันแผนโบราณ คือความรู้จะล้าหลังเร็วมาก แต่ในขณะที่ความรู้มาเยอะ ถ้าเราไม่กลั่นกรอง วิเคราะห์ให้ดี ก็จะนำความรู้ผิด ๆ มาให้คนไข้ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแพทย์ทุกคนต้องใช้สติปัญญาในการที่จะเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสม
สำหรับแพทย์ในสาขาศัลยแพทย์ทรวงอกและหัวใจ ขอให้ทุกคน enjoy hard work ทำอย่างไรถึงจะมีความสุขกับงานหนัก ซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ จริง ๆ มันคล้องจองกับวิชาแพทย์ที่เรามาประกอบโรคศิลปะ นี่เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่จะอยู่กับงานหนักอย่างมีความสุข คนจะมีความสุขมีแค่ 2 อย่าง คือ อย่าเบียดเบียนตนเอง คือ เมื่อเกิดความทุกข์ ต้องจัดการความทุกข์ให้ได้ และอย่าเบียดเบียนผู้อื่น คือ รับผิดชอบวิชาชีพ มีความรู้ จรรยา จริยา ในการที่จะดูแลรักษาคนไข้ ฝากรุ่นหลังไว้ว่า มันดูง่าย แต่ถ้ามาคิด วิเคราะห์ และทบทวนส่องกระจกดูตนเอง จะรู้ว่าเรายังขาดอะไร และก็เติมให้มันเต็มและพัฒนา ส่วนที่จะขาดมันไม่มีวันเต็ม ถ้าหากว่าเราไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยใจคอ ทำได้ไหม ที่จะอ่าน journal ทุกวัน ทำได้ไหมที่จะ up-to-date เรื่องราววิชาชีพที่เราประกอบอยู่ทุกวันว่า ทางยุโรป อเมริกา หรือญี่ปุ่น เขาทำกันอย่างไร และเราทำอย่างไร ชาวบ้านควรจะได้อะไร ถ้าทำได้ชาวบ้านก็จะมีความสุข และเราก็จะมีความสุข จะ enjoy hard work ครับ