การศึกษาใน Chronic Renal Insufficiency Cohort พบว่า ในผู้ป่วยไตเสื่อมเรื้อรัง หากการเพิ่มขึ้นของ CAC ที่เกิน 50 หรือต้องมีข้อบ่งชี้การทำ CAC จะเพิ่มการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและเพิ่มอัตราการเสียชีวิตโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่สัมพันธ์กับโรคหัวใจล้มเหลว
Coronary Artery Calcium (CAC) เป็นการตรวจที่แม่นยำและไม่รุกล้ำในการประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในยุคปัจจุบัน มีการศึกษารองรับและเป็นมาตรฐานในทุกแนวทางการรักษา แต่ข้อมูลในการเปรียบเทียบและรักษาเกิดจากการศึกษาในกลุ่มประชากรปกติ และมักจะตัดผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมเรื้อรังออกไป และนอกจากนี้ผู้ป่วยไตเสื่อมยังมีเมตาบอลิซึมของแคลเซียมที่ผิดปกติ ทำให้การแปลผลจะอิงตามเกณฑ์ปกติได้ยาก การศึกษานี้จึงออกแบบหาความสัมพันธ์ของ CAC ในผู้ป่วยไตเสื่อมเรื้อรัง
การศึกษานี้ใช้ชุดข้อมูลจาก Chronic Renal Insufficiency Cohort (CRIC) เพื่อหาความสัมพันธ์ของ CAC และการเปลี่ยนแปลงของ CAC ต่อโรคหัวใจ ข้อมูล 1,310 ราย ของผู้ป่วยไตเสื่อมเรื้อรังตั้งแต่ระยะที่ 2 ที่ไม่มีสาเหตุอื่น และมีการตรวจวัด CAC อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนเริ่มเก็บข้อมูล หรือมีเหตุที่ต้องทำภายหลัง และมีการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบหากต้องทำซ้ำ โดยผลการศึกษาหลักที่สนใจ คือ การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ การเกิดหัวใจล้มเหลว และอัตราการเสียชีวิตโดยรวม
ผู้ที่เข้าร่วมการศึกษา 1,310 ราย อายุเฉลี่ย 56.5 ปี ค่า GFR เฉลี่ย 46 ml/min ติดตามเฉลี่ย 3.3 ปี มีผู้ป่วยที่ทำ CAC ตั้งแต่เริ่มต้น 58.4% ที่ส่วนมาก คือ อายุมาก เป็นเบาหวาน และอ้วน มีค่าเฉลี่ยที่ 100.2 agaston unit
ผลการศึกษา พบว่า ในกลุ่มที่มีการทำ CAC ตั้งแต่เริ่มต้นนั้น มี 35.3 % ที่ค่าการเปลี่ยนแปลง CAC เพิ่มขึ้น (มากกว่า 50 agaston) ในจำนวนนี้ พบว่า เพิ่มอัตราการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ HR 1.73 (95%CI 1.31 – 2.28) การเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 42% แต่ไม่มีนัยสำคัญ และไม่สัมพันธ์กับการเกิดหัวใจล้มเหลว
ในกลุ่มที่ไม่ได้ทำ CAC มาก่อน พบว่า ต้องทำ CAC จำนวน 32.5% และคนที่ต้องทำ CAC จะมีอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนที่ไม่ต้องทำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ HR 1.82 (95%CI 1.03 – 3.22) และ HR 2.42 (95%CI 1.23 – 4.71) ตามลำดับ และไม่สัมพันธ์กับการเกิดหัวใจล้มเหลวเช่นกัน
การใช้ CAC สามารถพยากรณ์โรคหัวใจในผู้ป่วยไตเสื่อมเรื้อรังได้เช่นกัน ทั้งมีข้อบ่งชี้ใหม่ หรือค่าที่เพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลนี้มีเพียง 30 – 35% ของผู้ป่วยไตเสื่อม จึงยังไม่สามารถบอกในภาพรวม หรือคนที่มีโรคร่วมอื่น ยังต้องรอผลการศึกษาขนาดใหญ่กว่านี้
เรียบเรียงโดย นพ. ชาคริต หริมพานิช
ข้อมูลจาก doi:10.1053/j.ajkd.2024.06.018

