CIMjournal
BannerCVM 128

อาจารย์ นพ. ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ สาขาเบาหวานและต่อมไร้ท่อ

ศ.คลินิก นพ. ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์
นายกสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย
นายกสมาคมโรคหลอดเลือดแดงแห่งประเทศไทย


ก่อนถึงคำถามหลัก สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ส่งผลต่อผู้ป่วยเบาหวานและต่อมไร้ท่อ อย่างไรบ้าง

ภาพรวมคือ โควิด 19 ส่งผลโดยตรงกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากจะทำให้การควบคุมเบาหวานทำได้ลำบากมากขึ้นแล้ว อาการของการติดเชื้อก็จะรุนแรงกว่า มีภาวะแทรกซ้อนรวมถึงความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่า ส่วนอีกด้านคือในช่วงการระบาด มีการใช้ telemedicine จากเดิมที่คนไข้ต้องมาหาหมอทุก 2 – 3 เดือน ก็สามารถพบหมอจากที่บ้านผ่านระบบที่เซตกันไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีการส่งยาทางไปรษณีย์ มันเวิร์คมากค่าส่งก็ถูกกว่าคนไข้มารพ.เอง ที่รพ.ราชวิถียังทำต่อเนื่องในช่วงระบาด ทำให้การรักษาไม่ขาดตอน ถ้าเราคุยกันแค่ทางไลน์ก็พอแล้ว ไม่ต้องมานั่งตั้งกล้องอะไรพิเศษ ขอให้มีการบริหารจัดการที่ดี ประสบการณ์ที่ได้จากรพ. ราชวิถี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ค่อนข้างพร้อมมาก

คิดว่า telemedicine จะเป็นเทรนการรักษาในอนาคต สำหรับโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่องระยะยาว อย่างความดันโลหิตสูง เบาหวาน โดยเฉพาะเป็นคนไข้เก่า ที่รักษาต่อเนื่องมา แต่ถ้ามีภาวะที่เปลี่ยนแปลง ก็ต้องมาพบแพทย์ แต่ถ้าเป็นโรคที่จะต้องตรวจร่างกายคนไข้ ตรวจคนไข้อย่างใกล้ชิด คงใช้ไม่ได้ ถามว่ามีข้อที่ต้องปรับปรุงไหม ต้องทำให้ขั้นตอนมันสั้นที่สุด ทุกอย่างต้องพร้อมทันที แพทย์บางคนตรวจคนไข้ปกติใช้เวลาสั้น พอมาตรวจระบบ telemedicine ช่วงแรก ๆ นานกว่า ก็จะไม่ชอบ ต้องพัฒนาระบบกันต่อไป


แพทย์สาขาเบาหวานและต่อมไร้ท่อ เรียนรู้เรื่องอะไรจากสถานการณ์นี้

เรียนรู้ว่า วิชาแพทย์เป็นวิชาที่ไม่สิ้นสุด ผมเชื่อว่า 4 ปีที่แล้วไม่มีใครรู้จักโควิด 19 เพราะเพิ่งเกิด พอเกิดก็ต้องมาเรียนรู้ และยังต้องมีเรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นและแพทย์ต้องเรียนรู้อยู่ เป็นเรื่องดีที่การเรียนรู้ต่าง ๆ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนต้องอ่านตำรา มีเฉพาะในห้องสมุด หรือต้องเดินทางไปเลกเชอร์ไกล ๆ นาน ๆ ครั้ง สมัยนี้ทุกคนสามารถค้นหาข้อมูลทางการแพทย์ได้จากทั่วโลก มี CME มีคอร์สต่าง ๆ มากมาย ทำให้แพทย์เข้าถึงความรู้ใหม่ ๆได้ง่ายขึ้น ก็อยากให้แพทย์ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้มาก


แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนแพทย์ โดยเฉพาะสาขาโรคต่อมไร้ท่อ

ต้องตอบตามตรงว่าที่เลือกเรียนแพทย์เพราะเห็นว่าอาชีพแพทย์ในสมัยนั้นเป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเป็น และเราก็ดูแล้วว่าเราน่าจะมีความสามารถที่จะสอบและเรียนได้ สุดท้ายผมได้เรียนแพทย์และจบที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ สำหรับในช่วงที่ตัดสินใจเลือกเรียนอายุรศาสตร์นั้นต้องบอกว่าจริง ๆ ตอนเรียนนั้นได้คะแนนวิชาศัลยศาสตร์และสูติศาสตร์ดีที่สุด คะแนนอายุรศาสตร์นี่ธรรมดา ๆ เลย แต่ตัวเองรู้สึกว่าวิชาอายุรศาสตร์เป็นวิชาที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเรียนแล้วสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้กว้าง คือ ถ้าไม่นับเด็กนะ ในการรักษาผู้ใหญ่ แพทย์ทุกคนต้องมีความรู้ทางด้านอายุรศาสตร์ และจริง ๆ แล้ว ผมชอบอายุรศาสตร์ทางด้านประสาทวิทยามาก เพราะได้แรงบันดาลใจจากอาจารย์ที่สอนผมตอนนั้น คือ อาจารย์ นพ. กัมมันต์ พันธุมจินดา อาจารย์ทำให้ผมรู้สึกว่าประสาทวิทยาไม่ยากอย่างที่คนอื่นคิด ถ้าเราเข้าใจ

ผมไปใช้ทุนที่ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขณะนั้นที่นั่นไม่มีแพทย์ประจำบ้าน ผมก็ไปเป็นแพทย์ใช้ทุนรุ่นแรกของที่นั่นและเข้าโปรแกรมเหมือนแพทย์ประจำบ้านถือว่าเป็นการประหยัดเวลา แทนที่เราจะไปใช้ทุนแล้วต้องมาเข้าโปรแกรมศึกษาอายุรศาสตร์ต่อ เราก็สามารถอยู่ที่นั่นจนสอบวุฒิบัตรอายุรศาสตร์ได้เลย อาจารย์ทุกคนที่นั่น ขณะนั้นได้สั่งสอนให้ความรู้แก่ผมและเพื่อนแพทย์ใช้ทุนเป็นอย่างมาก ผมเป็นตัวเป็นตนได้ทุกวันนี้ นอกจากอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่สอน ตอนเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็มีส่วนสำคัญ เพราะอาจารย์ทุ่มเทและสั่งสอนอย่างดีเยี่ยม แต่เผอิญครอบครัวผมอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็เลยขอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ พอสอบได้วุฒิบัตรอายุรศาสตร์ก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี

ตอนมาอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถีก็อยากจะมาอยู่ทางด้านประสาทวิทยาหรือไม่ก็แผนกหัวใจ แต่ทั้ง 2 หน่วยดังกล่าว ไม่มีตำแหน่งว่าง ก็เลยมาอยู่อายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อ โดยได้มาอยู่กับ อาจารย์ พญ. สุมณฑา เสรีรัตน์ ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าหน่วยต่อมไร้ท่อที่โรงพยาบาลราชวิถีในขณะนั้น ในช่วงนั้นยังไม่มีการเทรนอายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อในประเทศไทย อาจารย์ก็ให้ลาไปเรียนต่อทางด้านโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ ที่ประเทศอังกฤษ ผมต้องขอขอบพระคุณ อาจารย์ นพ. สุนทร ตัณฑนันท์ ซึ่งสมัยนั้นท่านเป็นนายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย อาจารย์กรุณาแนะนำและฝากผมไปอยู่กับ Professor Alberti ซึ่งเป็นเจ้านายผม ท่านมีชื่อเสียงระดับโลกทางด้านเบาหวานทั่วโลก ผมไปอยู่ 2 ปี เสร็จแล้วก็กลับมาทำต่อมไร้ท่อที่เมืองไทย พอผมกลับมาก็เริ่มมีการเทรนอายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อในประเทศไทย

 

“ผมภูมิใจในความเป็นแพทย์
ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความฝันในตอนเด็ก
เพราะตอนนั้นอยากเป็นสถาปนิก
อยากเป็นวิศวกร”


ความภูมิใจและความสำเร็จที่ผ่านมา

จนถึงวันนี้ผมบอกได้เลยว่าสิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดคือ การได้เป็นหมอได้ตรวจคนไข้ ได้มีส่วนดูแลครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่น้อง คนไข้ที่มาหาผมมีความสุข ผมก็รู้สึกมีความสุขด้วย ผมภูมิใจในความเป็นแพทย์ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความฝันในตอนเด็ก เพราะตอนนั้นอยากเป็นสถาปนิกอยากเป็นวิศวกร เรารู้สึกมันเท่และเคยไปสอบด้วย เจอสอบความถนัดทางศิลปะ ซึ่งทำไม่ได้เลย

เรื่องที่ 2 ความภูมิใจต่อมาคือ การเป็นครูแพทย์ ได้ดูแล ได้สอนนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน แพทย์ประจำบ้านต่อยอด ได้ทำให้มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นในประเทศ

เรื่องที่ 3 ผมภูมิใจที่เกิดมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่ ปู่ยาตายายและพี่น้องที่รักและเกื้อหนุนกันทุกอย่าง ผมเกิดมาในครอบครัวที่มีความสุขและอบอุ่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผมภูมิใจ

เรื่องที่ 4 ผมภูมิใจในเพื่อนร่วมงาน ต้องบอกว่าเพื่อนร่วมงาน เจ้านายลูกน้องที่ผมร่วมงานด้วยทำให้ผมมีความสุขในการทำงานเสมอมา ผมไม่รู้ว่าเป็นโชคหรือเปล่า หรือว่าผมมองโลกในแง่ดี อันนี้ผมไม่ทราบ แต่ผมรู้ว่าตั้งแต่ผมทำงานมา เจ้านายผมทุกคนเอ็นดูผม ลูกน้องก็ปฏิบัติดีกับผมทุกคน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เจ้านายให้การสนับสนุนทุกอย่าง อย่างตอนที่ผมไปเป็นแพทย์ใช้ทุนรุ่นแรกที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นทุกท่านดูแลผมอย่างดีมาก ท่านไม่ได้ให้แค่ความรู้อย่างเดียว ท่านดูแลเหมือนเป็นผู้ปกครอง คอยตักเตือนสั่งสอนเวลาที่ผมประพฤติตัวไม่เหมาะสม และพอมาอยู่ที่ราชวิถี 20 กว่าปีที่ผ่านมา เจ้านายลูกน้องก็ดีต่อผมมาตลอด ทำให้ผมมีความสุขอย่างมากในการทำงาน

นอกจากนี้ อย่างตอนที่ผมทำงานระดับนานาชาติ เรียกว่า โก อินเตอร์ ก็ได้ ก็เพราะเจ้านายผมตอนนั้น คือ อาจารย์ พญ. สุมณฑา เสรีรัตน์ ท่านทำงานวิจัยเรื่องเบาหวานในคนท้อง จนต่างชาติเห็นผลงานและอยากจะชวนไปทำวิจัยด้วย แต่อาจารย์ท่านใกล้เกษียณแล้ว ก็เลยส่งผมไปทำงานวิจัยร่วมกับต่างชาติแทน ตั้งแต่นั้นมาผมก็มีชื่อเสียงในระดับต่างประเทศเพราะว่าเรามีผลงานทางด้านวิจัยเรื่องนี้อย่างมากมาตลอด มองกลับถ้าเจ้านายไม่สนับสนุนให้ผมไปร่วมงานวิจัยดังกล่าว ผมก็ไม่ได้เกิดในวงการนี้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องมีความพร้อมด้วย คือการที่ผมสามารถทำวิจัยได้มาก เพราะเรามีทีมงานดี มีสูติแพทย์และกุมารแพทย์ร่วมโครงการที่ให้ความร่วมมืออย่างมาก มีพยาบาลที่ดีและน่ารักและทุ่มเททั้งกายและใจต่องาน รวมทั้งลูกน้องที่ร่วมงานทุกคนที่ช่วยเหลืออย่างดี ผมต้องยอมรับเลยว่าผมจะไม่มีวันนี้ถ้าผมไม่มีเจ้านาย เพื่อนร่วมงานและลูกน้องที่ให้การสนับสนุนอย่างดีมาตลอด

เรื่องที่ 5 สำหรับการได้มีโอกาสเข้ามาทำงานบริหารสมาคมแพทย์ฯ นั้น ผมมองเป็นงานที่เข้ามาเพิ่มเติมจากที่เราทำอยู่ ถามว่าภูมิใจไหม ผมเฉย ๆ นะ คือจากการที่เรารู้สึกว่าต้องทำงานทุกด้านให้ดีที่สุด เมื่อทำงานด้านดูแลรักษาคนไข้แล้ว ทำงานทางด้านวิชาการแล้ว พอถึงจุดหนึ่งทั้งวัยและประสบการณ์ก็จะมีงานด้านบริหารเข้ามา ผมว่ามันเป็นช่วงหนึ่งของชีวิต เมื่อจบวาระก็จบภาระงาน

ผมมีประเด็นเสริมในเรื่องความสำเร็จของชีวิตว่า  ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่คนอื่นมอง ควรเป็นการมองตัวเอง มากกว่า เพราะว่าความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างบางคนเขาตั้งเป้าหมายไว้เรื่องหนึ่ง แล้วเขาทำเป้าหมายนั้นสำเร็จ ในขณะที่คนอื่นอาจมองว่าทำได้แค่นั้นยังไม่เรียกว่าสำเร็จ ก็มองต่างกันได้ เพราะฉะนั้นผมเองผมไม่เห็นด้วย ที่จะไปบอกว่าใครสำเร็จใครไม่สำเร็จ อย่างผมวางเป้าหมายคือ ความสุขในชีวิต ถ้าเทียบกับเป้าหมายนี้ ทุกวันนี้ผมมีความสุขก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่บางคนอาจบอกว่ายังก็ได้ คนเราพอถึงจุดหนึ่งแล้วรู้สึกพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ ก็อาจถือได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว 


ปัจจัยที่เป็นที่มาสู่ความสำเร็จอันนำมาสู่ความภูมิใจ

เรื่องแรก ความมุ่งมั่นทุ่มเท ผมมีความรู้สึกว่าที่ผมมีได้อย่างทุกวันนี้ มาจากสิ่งที่ผมลงแรงลงไปแน่นอนโชคอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่การที่เราจะทำงานอะไร เราก็ต้องให้เวลาและต้องใส่ใจกับมันถึงจะมีผลงานที่ดีได้

เรื่องที่ 2 การจัดลำดับความสำคัญ หรือ set priority ของสิ่งที่ต้องทำก่อนหลัง โดยสำคัญที่สุดทำก่อน สำคัญรองลงมาเก็บไว้ก่อน รองกว่านี้เก็บไว้หลัง ๆ ถ้าทำไม่ทัน วันต่อ ๆไปก็ทำได้ เรื่องนี้สำคัญมาก อย่างตอนนี้ผมอายุมากขึ้นแล้ว การพักผ่อนเป็นสิ่งจำเป็น ผมก็จัดเวลาในแต่ะวันให้มีการพักผ่อน ทำกิจกรรมบ้าง ทุกวันนี้ผมเริ่มงาน 07.00 น. – 17.00 น. หลังจากนั้นถ้าไม่จำเป็นจริง จะไม่นำงานกลับเพราะต้องมีเวลาพักผ่อนด้วย

เรื่องที่ 3 หลังจากจัดลำดับความสำคัญ ก็ต้องมาบริหารเวลาและมีสมาธิในการทำงานแต่ละช่วงเวลา ผมคิดว่าผมสามารถทำงานปริมาณมากและมีคุณภาพในระยะเวลาอันสั้นด้วยเหตุผลข้อ 2 และ 3 โดยผมจะมีความสุขถ้าทำงานหลายอย่างสำเร็จในระยะเวลาจำกัด

สำหรับทริคของการบริหารเวลา ผมใช้หลักการแบ่งเวลาให้เป็น ตรงต่อเวลาที่แบ่งไว้ และมีสมาธิในการทำงานแต่ละช่วงเวลาเสมอ อย่างถ้าคุณนัดใคร 1 ชั่วโมง คุณก็ต้องทำให้เสร็จ ผมสอนนักเรียน 1 ชั่วโมงครึ่งก็ต้องสอนให้ได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง และต้องให้ครอบคลุมเนื้อหาที่เราต้องการให้ทราบจากการสอน บางครั้งมีงานหลายอย่างมาก ๆ ที่จะต้องทำให้สำเร็จภายในช่วงเวลาหนึ่ง ผมก็ต้องจัดลำดับความสำคัญว่างานไหนสำคัญเบอร์ 1 งานไหน เบอร์ 2 เบอร์ 3 แล้วทำงานทีละอย่างไป ถ้าตรงต่อเวลา แบ่งเวลาดี มีสมาธิในการทำ ก็จะทำให้ได้ผลงานที่ดี ในระยะเวลาอันสั้นและเสร็จงานทันเวลา

เรื่องที่ 4 ผมยึดหลักอยากให้ใครปฏิบัติกับเราอย่างไร เราก็ควรปฏิบัติอย่างนั้นกับเขา อย่างเวลาผมรักษาคนไข้ คนไข้ทุกคนก็เหมือนกับญาติผม ถ้าผมรักษาพ่อแม่ยังไง ผมก็ต้องรักษาคนไข้ของผมเหมือนกัน เราไม่มีการแบ่งแยกว่าคนนี้คนนั้นเป็นยังไง นอกจากนี้ ยังมีประโยคหนึ่งที่เจ้านายสอนผมเสมอคือ ถ้ามีคนไหนที่เขาเกลียดหรือไม่ชอบเรา ถ้าเราไม่เกลียดตอบแต่กลับเป็นฝ่ายทำดีกับเขา สักวันความไม่ชอบหรือความเกลียดของคนนั้นมันก็จะละลายหายไปเขาก็กลับมารักเรา ตอนแรกผมไม่เชื่อว่าจะเป็นจริงแต่พอได้ทำ มันก็เกิดขึ้นจริง ๆ เขาอาจจะไม่รักเรา แค่ไม่เกลียดเราก็พอแล้วเราก็จะมีความสุข 


สไตล์การบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ออกตัวก่อนว่างานบริหารเป็นงานที่ผมไม่ชอบเมื่อเทียบกับงานอื่น ๆ ตอนที่เข้ามาอยู่ รพ.ราชวิถีใหม่ ๆ เห็นเจ้านายที่เป็นหัวหน้าทำงานแล้วเหนื่อยมาก ผมคิดยังไงก็ไม่ชอบงานบริหาร เจ้านายก็บอกผมตลอดเวลาว่า พอถึงจุดหนึ่งที่คุณอิ่มตัวด้านวิชาการ ด้านงานวิจัย ก็จะมีงานบริหารให้คุณต้องทำ เพราะคุณจะต้องเสียสละเมื่อถึงเวลานั้น ในมุมมองผม งานบริหารหรือการเป็นหัวหน้างานนั้น เหมาะสำหรับคนที่พร้อมจะเสียสละ ต้องปล่อยวางในสิ่งที่จะได้รับ ต้องทำให้ทีมงานมีความสุข ไม่ว่าจะมีความสุขทางการงาน ครอบครัว อย่างตอนที่บริหารกลุ่มงานอายุรศาสตร์ หรือหัวหน้างามต่อมไร้ท่อ ผมต้องรู้ว่าถ้าผมรับงาน ผมต้องต้องเสียสละ ต้องพยายามทำให้ทีมงานมีความสุข รู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราพร้อมที่จะคุยกันทุกอย่าง อยู่กันด้วยใจ เป็นต้น

สำหรับงานบริหารสมาคม ไม่ใช่ว่าเราอยากจะเป็นแล้วเราได้เป็น ต้องมีการเลือกตั้ง แล้วสมาชิกลงคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็นสมาคมโรคหลอดเลือดแดงแห่งประเทศไทย สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย พอได้กรรมการแต่ละสมาคมมา กรรมการก็ต้องลงคะแนนเสียง เราถึงจะได้โอกาสทำงาน  โดยงานบริหารสมาคมนั้นจะเน้นหนักเรื่องวิชาการ ก็ไม่ต้องปรับตัวมาก เราต้องมีความสามารถบ้าง ไม่งั้นเขาก็ไม่เลือก ถามว่าเป็นทุกข์ไหม ตอบเป็นทุกข์บ้าง  เพราะปลายปีนี้จะมีงานประชุม International Congress ของ Endocrine ก็ค่อนข้างจะเหนื่อยใจ ทำอย่างไรที่จะให้คนมาประชุมเยอะ ๆ ทำอย่างไรจะไม่ให้สมาคมขาดทุน

 

“ผมอยากให้ทุกคนค้นหาตัวเอง
ว่าตัวเองมีความสุขกับตรงไหน

ขอให้ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด
โดยที่ไม่ทำร้ายคนอื่น”


จากการต้องทำให้ทีมงานมีความสุข ผมขอพูดถึงความสุขว่า ทุกวันนี้ผมมีอายุมากขึ้น ผมมองว่าความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมอยากให้ทุกคนค้นหาตัวเอง ว่าตัวเองมีความสุขกับตรงไหน ขอให้ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด โดยที่ไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ถ้าดีคือทำให้สังคมดีด้วยอย่างนี้ดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็ยังเป็นกลางก็ยังดี ทุกคนเขาจะมีเป้าหมายหรือความสุขแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน บางคนให้ความสุขกับครอบครัวอย่างมาก การงานให้น้อยหน่อย ก็ไม่เห็นจะผิดอะไร คนอื่นอาจจะดูว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ความจริงเขาประสบความสำเร็จในชีวิต มีครอบครัวที่เขาให้เวลาทุกอย่างกับครอบครัว งานเขาก็ไปได้ดีในระดับหนึ่ง เป็นต้น ผมโชคดีมากว่า ผมมีกัลยณมิตร ผมมีเจ้านายที่ดี บางครั้งผมบ่นกับเจ้านายผม ว่าหมอคนนี้ทำงานสาย เขาก็ให้ข้อคิดว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขามีลูกที่ต้องขับรถไปส่งแต่เช้า เขามีครอบครัวที่ต้องดูแล เราอาจจะมีเวลาว่างมากกว่าเขา ซึ่งถามว่าเขาทำให้ส่วนกลางเสียไหม คำตอบคือไม่เลย เพียงแต่เรามองและอยากให้คนอื่นทำงานเหมือนเรา ซึ่งจริง ๆ แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างน้อยเขาไม่เสียงานที่เขาได้รับมอบหมาย  แค่นี้ก็ดีแล้ว


กว่าจะถึงวันที่ประสบความสำเร็จผ่านอุปสรรคอะไรบ้างและเอาชนะได้อย่างไร

จริง ๆ มันอาจจะเป็นโชคของผมก็ได้ ที่ผมมีผู้ใหญ่หรือเจ้านายเอ็นดูและให้คำแนะนำผมตลอด ยกตัวอย่างเช่น ตอนผมมาอยู่ราชวิถีใหม่ ๆ ตอนนั้นมีทุนให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ แน่นอนเราก็อยากไปเรียนต่อต่างประเทศตอนนั้นเป็นทุนของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้ทุนไปเรียนทางด้านระบาดวิทยาที่แคนาดา ผมก็ไปสมัคร จริง ๆ ก็น่าจะได้ไปแล้ว แต่ถึงเวลาก็เกิดเหตุที่ทำให้เราไม่ได้ทุนดังกล่าว เราก็เสียใจ เจ้านายก็บอกผมว่า “อย่าเสียใจไปเลยเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เราเสียใจหรือผิดหวังในอนาคตเวลามองย้อนกลับมาเหตุการณ์ที่เราเสียใจหรือผิดหวังอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกับเราก็ได้ เพียงแต่อาจไม่ได้เกิดกับเราในขณะนั้น” หลังจากนั้นอีก 6 เดือน ผมก็สามารถสอบชิงทุน British Council ได้ไปเรียนเบาหวานกับต่อมไร้ท่อที่ประเทศอังกฤษแล้วก็กลับมาทำจนถึงทุกวันนี้ ที่ผมกำลังจะบอก คือ สิ่งที่เราคิดว่าเป็นอุปสรรคและความทุกข์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ถ้าเราแก้ไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับมัน และเชื่อไหมว่าจริง ๆ แล้วบางเรื่องมันอาจเป็นสิ่งที่ดีในอนาคตด้วยซ้ำ

เรื่องที่ 2 เวลาทำงานจะมีปัญหาเยอะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผมทำทั้งนั้น คือ ผมไปรับปากงานมาเองพอรับปากแล้วต้องทำให้ได้ ถ้ามีงานที่จะต้องทำหลายอย่าง พอถึงเวลาถ้าทำไม่ทัน จะทำยังไงทำไม่ทันก็เป็นทุกข์ ตอนนี้จริง ๆ มันก็ต้องทำให้เสร็จทันเวลา เพราะผมถือคติว่า คำพูดและสัญญาเป็นสัจจะ ไม่ควรผิดนัดหรือผิดสัญญา เราก็นอนให้น้อยลง ใช้เวลาส่วนตัวให้น้อยลง มีสมาธิกับงานที่จะทำให้มากขึ้นเพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้นทุกครั้งผมก็ต้องทำแบบนี้เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา

ผมขอเสริมเรื่องของปัญหาหรืออุปสรรคว่า มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนกำหนดว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต สำหรับผมไม่ใช่หน้าที่การงาน ไม่ใช่เงิน ถ้าเจออุปสรรคใน 2 เรื่องนี้ ผมก็ก้มหน้าก้มตาแก้ไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือครอบครัว ถ้าครอบครัวของผมเจ็บป่วย นั่นแหละเป็นปัญหาหนักของผมเลย ขณะที่คนอื่นอาจจะกำหนดสิ่งที่สำคัญที่สุดไว้ต่างกัน เช่น บางคนเป็นเรื่องเงิน บางคนเป็นเรื่องงาน ซึ่งก็ไม่มีใครผิด เพราะว่าแต่ละคนต้นทุนไม่เหมือนกัน บางคนที่เขามองจุดนั้น เป็นเพราะเขามีภาระที่จะต้องจ่ายเยอะมาก ก็ถูกต้องของเขา คุณจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้สังคมเป็นทุกข์ หรือทำให้เป็นลบต่อสังคม ทำดีต่อสังคมยิ่งดีไป ขอเป็นกลางก็พอแล้ว  ต้องรู้ว่าจริง ๆ ตัวเองต้องการอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

กลับมาที่วิธีแก้ของทุกปัญหา พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ผมใช้หลักการว่า มีอะไรมากระทบต้องรู้ทัน เช่น เราผิดหวังหรือเป็นทุกข์จากเรื่องอะไร เบื้องต้นต้องรู้ว่าอย่าผิดหวังไปให้มันนาน แล้วหาสาเหตุเพื่อแก้ไขเรื่องนั้นๆ ที่สำคัญถ้าแก้ไม่ได้ก็แก้ไม่ได้ ต้องยอมรับมัน อย่างเช่น คนในครอบครัวป่วย เราก็ต้องหาทางรักษาให้ถูกต้อง สุดท้ายเราก็ต้องทำใจ มันต้องมีมุมมองทัศนคติ ที่ดี ต้องรู้ทันกับสิ่งที่กระทบมาในชีวิตเรา แค่นั้น แล้วเราก็จะอยู่กับมันได้


ถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อยากจะแก้ไขเรื่องใด

จริง ๆ ผมบอกนิดหนึ่งว่า ส่วนตัวผมตั้งแต่อดีตผมไม่เคยเสียใจหรืออยากจะแก้ไขสิ่งที่ผมทำเลยนะ แต่ถ้าจะมีก็คือ คำพูด เพราะผมเคยเป็นคนใจร้อน บางครั้งพูดอะไรออกไปเร็วแล้วทำให้คนอื่นเสียใจ ตอนนั้นผมคิดว่า ทำไมเขาทำเขาคิดไม่เหมือนเรา ซึ่งพอเวลาผ่านไปจะรู้ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เอาตัวเราเองไปกำหนดคนอื่นว่าต้องแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้

พอคิดได้ผมก็ต้องไปขอโทษ แต่มาคิดดูอีกทีถ้าเราไม่พูดออกไป ก็ไม่ต้องขอโทษ บางครั้งแก้วมันร้าว แล้วมันก็ไม่เหมือนแก้วที่ไม่มีตำหนิ ส่วนตัวผมอยากจะมีสติตลอดเวลาให้มากกว่านี้

 

บุคคลต้นแบบในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน

จริง ๆ มีเยอะมาก ถ้าถามว่าทางด้านสังคมก็คือ ครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ ปู่ยาตายาย ญาติ พี่น้อง อย่างคุณพ่อเป็นคนรักครอบครัว รักแม่ รักลูกทุกคน ขยันทำงาน ให้เวลากับภรรยาและลูกทุกคน ผมภูมิใจที่สุด คือ พี่น้องทุกคนรักกัน ความสุขของผมมาจากครอบครัว

ทางด้านการแพทย์ก็มีอีกหลายท่านอย่างตอนเป็นนักเรียนแพทย์ ผมอยากเรียนด้านประสาทวิทยาเพราะ อาจารย์ นพ. กัมมันต์ พันธุมจินดา สอนและให้ผมมีความรู้สึกว่าวิชานี้ง่าย ถ้าเข้าใจก็ไม่ต้องท่อง พอไปอยู่ที่ขอนแก่นในฐานะแพทย์ใช้ทุน ก็มีอาจารย์อย่างน้อย 3 ท่าน ที่ดูแลผมเหมือนลูก คือ อาจารย์ นพ. เกียรติชัย ภูริปัญโญ อาจารย์ นพ. ปิยะทัศน์ ทัศนาวิวัฒน์ อาจารย์ นพ. พิศาล ไม้เรียง เวลาเราทำผิดท่านเรียกเราไปสอนถึงที่บ้านท่านเลย จริง ๆ ยังมีอาจารย์อีกหลายท่านที่ผมประทับใจมาก ๆ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และผมยังภูมิใจอยู่เสมอว่า ถ้ามีใครมาถามว่าผมเรียนจบอายุรศาสตร์ที่ไหน ผมกล้าตอบอย่างภูมิใจว่า “ผมจบอายุรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นครับ”

และท่านที่มีบุญคุณกับผมอย่างมากก็คือ อาจารย์ พญ. สุมณฑา เสรีรัตน์ ที่รับผมมาอยู่ที่ราชวิถี และท่านก็สอนหลักการดำเนินชีวิตเวลาเจออุปสรรคและตอนที่ไปอยู่เมืองนอกก็มี Professer Alberti ที่ผมได้เรียนรู้จากเขาเยอะมาก โดยเฉพาะการทำงานและการบริหารเวลา ผมจำได้ว่าเวลาที่ผมต้องการพบเขาต้อง make appointment ทุกครั้ง ห้ามดักพบตอนเดินกลางทางและขอเวลาคุย 2 นาที เพราะเขาจะไม่คุยเรื่องงานด้วย ถ้าต้องการคุยเรื่องงานให้ไปพบเลขาฯ และนัดเวลาล่วงหน้า ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องวุ่นวายขนาดนี้ เราแค่อยากคุยเรื่องงานแค่ 1-2 นาที ต้องมานัดเป็นทางการ สมัยนั้นมัน 30 ปีก่อน ยังไม่มี e-mail เลยเขียนทาง e-mail ไม่ได้ ปัจจุบันผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เพราะเขาบริหารเวลาทุกนาทีในขณะทำงาน การเดินระหว่างตึกหนึ่งเขาคำนวณเวลาไว้แล้วว่าจะไปถึงที่หมายเมื่อไรและมีงานที่รออยู่แล้ว การนัดหมายล่วงหน้าทำให้คนถูกนัดสามารถเตรียมตัวในการให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันใครจะพบผมเรื่องงานผมก็ต้องให้นัดหมายล่วงหน้าเสมอ

สำหรับที่ไม่ใช่แพทย์ ผมขอเพิ่ม คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่เขียนหนังสือ เรื่อง “เข็มทิศชีวิต” หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเปลี่ยนชีวิตจากอดีตที่ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน มีความเป็นสุดโต่ง คือ เวลาสุขก็สุขมาก เวลาทุกข์ก็ทุกข์มากและผมเป็นคนที่วุ่นกับงานมาก ไม่มีเวลากับการมีความสุขส่วนตัวเท่าไหร่ ผมได้หนังสือเล่มนี้จากลูกศิษย์นักเรียนแพทย์ที่ผมสอน ซึ่งปัจจุบันจบหมอแล้ว แต่จับพลัดจับผลูไปเป็นผู้จัดการไร่ส้มที่เชียงราย ในช่วงเทศกาลปีใหม่เขาส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ผมทางไปรษณีย์ ปกติผมเป็นคนไม่ชอบอ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค แต่เผอิญวันนั้นโทรทัศน์ที่บ้านเสีย ก็เลยหยิบมาอ่าน พออ่านแล้วโดนนะ หนังสือเล่มนี้เขาสอนผมเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น เวลาเรามีทุกข์ เราอย่าจับไว้ เราควรวางมันไว้ คนที่อยู่กับความทุกข์เหมือนคนที่กำก้อนหินแน่น ๆ ให้หินบาดมือเจ็บ เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมมีความทุกข์จากเครียดที่มีงานค้างอยู่มาก ผมจะมาเขียนงานทั้งหมดที่ผมค้างอยู่ แค่เขียนลงกับกระดาษมันก็เหมือนกับวางความทุกข์แล้ว หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ทำงานแต่ละชิ้นตามลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้นให้เสร็จสิ้น หนังสือเล่มนี้ดีมากและผมโชคดีที่มีกัลยาณมิตรที่ดี เพื่อนรักผมคนหนึ่งซึ่งปัจจุบันเป็นอายุรแพทย์ที่อยู่ที่จังหวัดชลบุรีได้ส่งซีดีของคุณฐิตินาถที่ไปบรรยายให้พระสงฆ์ที่ไปปฏิบัติธรรมมาให้ฟัง ซึ่งผมฟังอยู่เป็นประจำ ผมเคยจัดสัมมนางานสมาคมต่อมไร้ท่อฯ ที่ต่างจังหวัดเมื่อนานมาแล้ว และได้เชิญคุณฐิตินาถมาบรรยายให้สมาชิกฟัง เธอบรรยายได้ดีมากและให้ความเป็นกันเองอย่างมาก นอกจากนี้ เธอยังไม่รับค่าบรรยายค่าเดินทางหรือแม้แต่ค่าที่พัก เธอให้บริจาคเข้าศูนย์ปฏิบัติธรรมหมด ผมว่าคนเราจะมองโลกเป็นก็ตอนมีความทุกข์ คุณฐิตินาถเองในอดีตเป็นนักธุรกิจรวยสามีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนนั้นเธอท้องอยู่ มีเจ้าหนี้มาทวงเต็มเลย เธอจำเป็นต้องขายทรัพย์สินบางอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่ เธอบอกว่าทุกคนมีทุกข์ได้แต่ต้องยอมรับมันและต้องอยู่กับมันให้ได้ อย่ายอมแพ้

 

“การฝึกให้อยู่กับปัจจุบัน
ฝึกให้รู้ทันอารมณ์
มีอะไรมากระทบให้รู้ว่า

เรื่องนี้มันทุกข์และจะทำอย่างไร
ให้ดับทุกข์”


คติหรือหลักการที่ยึดถือในการดำเนินชีวิต

ผมว่าคำตอบจะคล้ายกับข้อปัจจัยสู่ความสำเร็จคือ การมุ่งมั่นทุ่มเททำทุกอย่างให้ดีที่สุด การแบ่งเวลาให้เหมาะสมทั้งสำหรับครอบครัว ตัวเอง การทำงาน และการปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนกับที่เราอยากให้เขาปฏิบัติกับเรา

สิ่งที่ผมขอเพิ่มก็คือ การฝึกให้อยู่กับปัจจุบัน ฝึกให้รู้ทันอารมณ์ มีอะไรมากระทบให้รู้ว่า เรื่องนี้มันทุกข์และจะทำอย่างไรให้ดับทุกข์ เรื่องนี้มันสุข จะทำอย่างไรให้ทันสุข ไม่ไปปรุงแต่งต่อ ปัญหาคือ บ่อยครั้งเรามักจะรู้ไม่ทันกับสิ่งที่มากระทบเรา ทำให้มีอารมณ์ดีใจเกิน ทุกข์ใจเกิน

หลังจากนั้นก็จะฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ ฝึกให้เป็นคนนิ่ง เป็นคนสบาย ๆ ฝึกให้ตนเองพ้นจากการเป็นทาสของเงิน ฝึกให้ตนเองเป็นคนเสียสละ เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ผมมีข้อสงสัยว่าทำไมถึงต้องตักบาตรตอนเช้า มานั่งนึกว่าอาจจะเป็นกุศโลบายของทางพุทธศาสนา ให้ฝึกการเป็นผู้ให้ ไม่เจาะจงพระสงฆ์รูปใด จิตใจมีการให้ตลอดเวลา จิตใจจะมีความสุข ใครอยากจะมีความสุขมาก ๆ ในชีวิต ถ้าเขามีพอ เป็นผู้ให้จะมีความสุขมากกว่าที่เราได้รับ


ข้อเสนอแนะสำหรับแพทย์รุ่นใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จ

ข้อที่ 1 ต้องรู้ให้ได้ว่า เรามีความสุขกับการทำอะไร เพราะหลังจากเป็นแพทย์แล้ว ยังมีทางเดินที่ต้องเลือกอีกหลายทาง เช่น จะเป็นแพทย์ทั่วไปหรือแพทย์เฉพาะทาง สาขาไหน จะทำรพ.รัฐบาลหรือรพ.เอกชน จะตรวจรักษามากน้อยแค่ไหน สนใจการเรียนการสอน การทำวิจัยมากน้อยแค่ไหม เป็นต้น ทุกทางเดินมีอุปสรรคแต่ถ้าเราได้เลือกหรือเดินบนเส้นทางที่ตรงกับความสุขของเรา เราก็จะรับมือกับอุปสรรคนั้นได้

ข้อที่ 2 หลังจากรู้ว่ามีความสุขกับการทำอะไรแล้ว ก็ต้องมุมานะ ทุ่มเท มีสมาธิในการทำงาน ไม่มีความสำเร็จไหนที่ได้มาง่ายๆ ทั้งนี้เรื่องเงินเป็นเรื่องรองควรไว้ทีหลัง ถ้าเรามาคิดเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มแรกด้วย เรื่องเงินทองก่อน ก็อาจจะได้นะครับไม่ใช่ไม่ได้ แต่ปัญหาคือว่า ความสำเร็จในชีวิตคืออะไร ความสำเร็จใช่การมีเงินเยอะไหม สำหรับแพทย์เอาเรื่องเงินทองไว้ทีหลัง หลังจากนั้นมันจะตามมาเอง

ผมขอเสริมสำหรับแพทย์รุ่นใหม่ เมื่อมุมานะทุ่มเทแล้ว ก็ต้องแบ่งเวลาให้เป็น เรื่องนี้ทำให้ผมสามารถทำได้เป็น 10 อย่างในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้เจ้านายต่างประเทศ ตอนที่ผมไปเรียนต่อสอนผม สมัยก่อนผมไม่รู้ ผมจะดักพบเจ้านายระหว่างทาง แกไม่ยอมให้พบ เราเลยเข้าใจ

ข้อที่ 3 ต้องใฝ่หาความรู้ในเรื่องที่ทำตลอดเวลา ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก เมื่อก่อนเรื่อง ๆ หนึ่งกว่าจะเปลี่ยน ใช้เวลา 3 – 4 ปี แต่ตอนนี้ร่นมาเหลือ 6 เดือน บางที 3 เดือน มีความรู้ใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แพทย์จะต้องอัพเดทให้ทัน

ปัจจุบันเวลาเราสอนหนังสือนักเรียนแพทย์ ไม่เพียงแค่ป้อน เราต้องสอนให้เขารู้ว่าจะต้องค้นอย่างไร เขาจะติดตามข่าวสารนี้ได้อย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงความรู้เร็วกว่าสมัยก่อนมาก เรารู้ว่าไม่มีใครเก่งทุกอย่าง แต่เราต้องรู้ว่าจะไปปรึกษาใคร แพทย์ทั่วไปก็ต้องรู้ทุกอย่างแบบกว้าง แล้วเขาจะรู้ว่าจะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างไร นี้แหละเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะไม่มีใครสามารถทำได้ทุกอย่าง

ข้อที่ 4 ต้องสื่อสารกับคนไข้ให้มากขึ้น ปัจจุบันประชาชนมีความรู้มากขึ้น เวลาดูแลรักษาคนไข้ต้องสื่อสารกับคนไข้ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิชาการที่ถูกต้อง ให้คนไข้เลือกวิธีการรักษาและต้องมีมารยาทหรือปฏิบัติตัวกับคนไข้ อยากให้ทำเหมือนกับว่าคนไข้เป็นญาติของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารักษาคนไข้เหมือนกับญาติเราไม่ต้องไปกลัวเลยว่าจะมีการฟ้องร้อง อยากฝากให้ดูแลจิตใจของคนไข้ด้วย ทำให้คนไข้มีความสุข ผมยอมรับนะว่าตอนใหม่ ๆ ที่ผมเป็นหมอผมยังไม่มีความรู้สึกตรงนี้ เวลารักษาก็ดูตามตำราเลยซึ่งจริง ๆ แล้วเราควรจะหาสมดุลตรงนี้ด้วย

 

 

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก