CIMjournal

อาจารย์ พญ. พิชญาภา รุจิวิชญญ์ สาขาโรคปอด


“เป็นคนกล้าคิด กล้าลงมือทำ และสนุกไปกับสิ่งที่ทำ ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนพูดน้อยมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ชอบทำมากกว่าพูด ซึ่งเป็นข้อดีและเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เป้าหมายสำเร็จได้”

ผศ. พญ. พิชญาภา รุจิวิชญญ์
หน่วยโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต ภาควิชาอายุรศาสตร์
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการสุขภาพและวิชาการ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนแพทย์ โดยเฉพาะสาขาโรคปอด

บ้านเกิดอยู่จังหวัดชลบุรี ตอนเด็ก ๆ ไม่สบายบ่อย นอนโรงพยาบาลเกือบทุกเดือน บางเดือนหลายรอบ จนคุณพ่อคุณแม่ต้องพาไปเปลี่ยนชื่อกับพระอาจารย์ ประกอบกับคุณพ่อคุณแม่ทำงานด้านสายสุขภาพทำให้คุ้นเคยกับโรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจเลือกเรียนแพทย์ เพราะรู้สึกไม่ชอบบรรยากาศหดหู่ในโรงพยาบาลและกลัวเลือดมาก ถึงขั้นเป็นลมเวลาเห็นเลือด ต่อมาย้ายเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนจบมัธยมที่โรงเรียนหอวัง ช่วงนั้นคุณพ่อคุณแม่ได้ทุนไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาพร้อมกัน จึงอยู่กับพี่ชาย นพ. พีรพัศฆ์ รุจิวิชชญ์ ปัจจุบันเป็นศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ และคุณป้าที่เป็นพี่สาวคุณแม่ ตอนนั้นไปแอบเรียนคอร์สติวเข้าสถาปัตย์ด้วย เพราะสนใจการออกแบบ สร้างสรรค์ แต่มีอยู่ช่วงอาม่าที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เกิดป่วยหนัก ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต พร้อม ๆ กับอากงก็ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีก เราไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย จึงรู้สึกว่าการเรียนหมอจะทำให้เราช่วยเหลือครอบครัวและผู้อื่นได้ ประกอบกับโชคดี​ได้กลุ่ม​เพื่อนที่ขยันตั้งใจเรียน และจะสอบเข้าแพทย์กัน สุดท้ายก็เลือกสอบเพื่อเรียนแพทย์ โดยเพื่อนในกลุ่มสอบติดแพทย์หลายคน​ ส่วนเราสอบตรงได้ที่คณะแพทย​ศาสตร์​ศิริราช​พยาบาล ระหว่างที่เป็นนักศึกษาแพทย์เป็น​เด็กสายกีฬา​ ไม่ชอบนั่งอ่านหนังสือคนเดียว​เป็นเวลานาน ๆ​ เป็นคนชอบนั่งอ่านหนังสือสลับกัน​ติวสรุปกับเพื่อน ๆ มากกว่า ทำให้ปลูกฝังนิสัยชอบสรุปและชอบสอน​มาตั้งแต่ตอนนั้น​  เรียนจนถึงระดับชั้นคลินิกได้มีโอกาสฝึกตามวอร์ดต่าง ๆ รู้สึกชอบในการทำหัตถการ​มาก เพราะรู้สึก​ว่าทำได้ดี​​ มีทักษะทางด้านนี้เป็นพิเศษ โดยในตอนที่เป็นนักศึกษาแพทย์สนใจทางด้านสูตินรีเวชมากที่สุด

 

“ไม่รู้เป็นที่ดวงตัวเองหรือเปล่า
ตอนอยู่สาขาสูติฯ
เจอแต่เคสที่หนัก ๆ

คนไข้มีภาวะน้ำคร่ำอุดตัน
ในกระแสเลือดจนหัวใจหยุดเต้น

คนไข้ Criminal abort
ต้องขูดมดลูกกันตอนตี 2 – 3

เวลาทำหัตถการจะรู้สึกหดหู่
และคิดว่าอาจไม่ใช่ทางเรา”


พอจบแพทย์แล้วไปใช้ทุน 1 ปีที่รพ.ชลประทาน เสร็จแล้วไปสมัครเป็นแพทย์ 4 ตำแหน่งอาจารย์ในสาขาขาดแคลนที่คณะแพทยธรรมศาสตร์ เริ่มแรกก็อยู่สาขาสูตินรีเวชก่อน แต่ตอนนั้นไม่รู้เป็นที่ดวงตัวเองหรือเปล่า เจอแต่เคสที่หนัก ๆ เช่น เคสมาคลอดแล้วมีภาวะน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือดจนหัวใจหยุดเต้น ซึ่งไม่ได้พบบ่อย เคสคนไข้ Criminal abort ต้องขูดมดลูกกันตอนตี 2 – 3 เจอทุกครั้งที่อยู่เวร เวลาทำหัตถการจะรู้สึกหดหู่ใจมาก ตอนหลังก็ได้ปรึกษาอาจารย์ผู้ใหญ่ว่าไม่น่าจะใช่ทางของเรา ก็เลยขอเปลี่ยนมาเรียนต่อเฉพาะทางด้านอายุรกรรมที่มีหัตถการเยอะและยังขาดแคลนอยู่ สุดท้ายก็ได้มาอยู่กับ ผศ. นพ. อภิชาติ คณิตทรัพย์ โดยอาจารย์เป็นหมอโรคปอดคนเดียวที่ธรรมศาสตร์ตอนนั้น ต่อมาจึงมีความสนใจและเลือกเรียนเฉพาะทางในสาขาโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตระบบการหายใจ อนุสาขาการทำหัตถการทางทรวงอกและหลอดลม (Interventional Pulmonology) และเป็นอาจารย์แพทย์ถ่ายทอดความรู้ให้แพทย์รุ่นหลัง

 


เป้าหมายที่มีการตั้งไว้ในการเป็นแพทย์หรือการใช้ชีวิต

ขอเน้นเป้าหมายในการเป็นแพทย์เป็นหลัก เริ่มจากเป้าหมายด้านการรักษา หลังจากที่เรียนจบเฉพาะทาง ได้ดูแลรักษาผู้ป่วยในเคสที่ยากและหลากหลาย ทำให้ต้องฝึกฝน หาความรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะงานทางด้านหัตถการทางทรวงอกและหลอดลม ซึ่งในปัจจุบันมีอุปกรณ์และเทคนิคใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงได้จัดตั้งกองทุนโรคระบบการหายใจขึ้น เพื่อให้ผู้ที่มีกำลังทรัพย์และมีจิตศรัทธาบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์โรคระบบการหายใจ ด้านหัตถการทางทรวงอกและหลอดลมและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อผู้ป่วยที่ยากไร้ เพราะบางอุปกรณ์ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิ์การรักษา โดยล่าสุดด้วยความช่วยเหลือจากกองทุนฯ สามารถจัดหาอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำหัตถการทางทรวงอกและหลอดลมต่าง ๆ ได้แก่ EBUS-TBNA, pleuroscopy, ultrasound guided TTNB, rigid bronchoscopy, laser, cryoprobe และคาดว่าจะเปิดการทำหัตถการทางทรวงอกและหลอดลมทุกอย่างได้ครบทั้งหมดภายในปีนี้

เป้าหมายด้านการสอน รู้สึกดีทุกครั้งเวลาที่สอนแล้วผู้เรียน feedback ว่าสอนเข้าใจง่าย โดยจะให้ความสำคัญกับการสอนมากเพราะถือว่าเป็น priority หลักของการเป็นอาจารย์  จากความตั้งใจว่าอยากเผยแพร่ความรู้และพัฒนาองค์กรให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยคาดหวังให้แพทย์เลือกมาเรียนต่อเฉพาะทางที่ธรรมศาสตร์ในอันดับต้น ๆ และตำแหน่งเต็มทุกปี จึงได้จัดกิจกรรมวิชาการของหน่วยฯ และเผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์สู่สาธารณะอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยมีช่องทาง online ใน YouTube ชื่อ Chest TU channel ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับและเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลให้แพทย์ประจำบ้านต่อยอดมาสมัครเต็มทุกปีตามเป้าหมาย และได้ผลิตแพทย์ที่มีคุณภาพไปยังจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาทางด้านการเรียนการสอนระดับนักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้านด้วย โดยจะรู้สึกอิ่มใจทุกครั้งที่ความรู้ของเราสามารถต่อยอดให้แพทย์ท่านอื่น ๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยต่อได้

เป้าหมายด้านงานวิจัยและตำแหน่งทางวิชาการ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยให้กับแพทย์ประจำบ้าน แพทย์ประจำบ้านต่อยอด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกลางพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน (Central Research Ethics Committee: CREC) และเป็นคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย ส่วนตำแหน่งทางวิชาการ ตอนนี้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ เป้าหมายถัดไปคือ รองศาสตราจารย์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอตำแหน่ง

เป้าหมายด้านการบริหาร ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการสุขภาพและวิชาการ และผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์คูคต เริ่มงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา จัดเป็นงานใหม่ที่ท้าทายเพราะไม่เคยทำมาก่อน ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาองค์กร จัดโครงการใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงให้ชุมชนได้เข้าถึงการตรวจรักษาเฉพาะทางมากขึ้น ส่วนงานด้านการบริหารภายนอกคณะ ได้มีโอกาสช่วยงานสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นกรรมการบริหารสมาคมฯ วาระปี 2565 – 2569 ที่ผ่านมาได้มีส่วนช่วยงานในส่วนต่าง ๆ ของทางสมาคมฯ เช่น จัดตั้ง line official account เพื่อให้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายในปัจจุบัน ร่วมเป็นหนึ่งในทีมทำเว็บไซต์ของสมาคมฯ ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดทำ COPD guideline และ asthma guideline ของประเทศไทยฉบับล่าสุด รวมถึงงานประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ได้รับโอกาสเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย วาระปี 2567 – 2569 โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำทุก ๆ หน้าที่ให้ดีที่สุด ตามที่ได้รับมอบหมายเต็มความสามารถ

          

“การคิดบวก มี passion
กับสิ่งที่ทำ อยากจะ
พัฒนาอยู่เสมอ

เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้
ผลของงานออกมาดี”


ที่ผ่านมาเป้าหมายที่สำเร็จ เกิดจากอะไร

จริง ๆ แล้ว เป้าหมายที่จะสำเร็จได้ ประกอบด้วยหลายปัจจัยทั้งภายในจากตัวเราเองและภายนอกจากสภาวะแวดล้อม  ปัจจัยแรก จากตัวเราเองที่มีความมุ่งมั่น อดทนต่อความยากลำบากและรับผิดชอบสูง​ต่อสิ่งที่ได้รับ​มอบหมาย​  หากคิดจะทำสิ่งใดก็จะมุ่งมั่นทำให้ถึงที่สุด แม้จะเหนื่อยมากหรือต้องอดหลับอดนอนและทำซ้ำ ๆ ต้องยอมรับว่าการเรียนและการทำงานในขณะที่มีลูกเล็ก ๆ 2 คน เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความอดทน และยังต้องแบ่งเวลาให้ดี โดยจะเข้านอนกับลูกทุกวัน ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ช่วงที่เรียน intervention ที่ศิริราชเป็นช่วงที่เหนื่อยมาก เพราะเดินทางไปกลับบ้านแถวแจ้งวัฒนะ บางวันจะต้องตื่นขึ้นมาตอนตี 1 – 2 เพื่อเตรียมอ่านวิจัย ตอนตีห้าครึ่ง ต้องออกจากบ้านแล้ว ไม่งั้นรถติดจะไปไม่ทัน บางวันต้องกลับมาทำอาหารแช่ฟรีสเก็บตุนไว้อุ่นให้ลูกกิน ตอนนี้ลูกโตขึ้นเข้านอนเองได้ ทำให้มีเวลามากขึ้น แต่งานที่รับผิดชอบก็มากขึ้นตามลำดับเช่นกัน ดังนั้น การแบ่งเวลาและจัดลำดับความสำคัญของงานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากนี้ความเป็นคนกล้าคิด และกล้าลงมือทำ และสนุกไปกับสิ่งที่ทำโดยเฉพาะสิ่งใหม่ ๆ ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนพูดน้อยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้ชอบทำมากกว่าพูด ซึ่งเป็นข้อดีและเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เป้าหมายสำเร็จได้ โดยจะไม่ปิดกั้นตัวเองในการหาความรู้ใหม่ ๆ ทั้งที่ใช่และไม่ใช่ทางด้านการแพทย์ งานไหนไม่เคยทำก็จะไปศึกษาด้วยตนเอง สอบถามผู้รู้ และลองลงมือทำทันที ผิดถูกก็ค่อย ๆ ปรับแก้ไขไปจนกระทั่งเข้าที่เข้าทาง ร่วมกับการเป็นคนคิดบวก และมี passion กับสิ่งที่ทำ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผลของงานออกมาดี เมื่อเราสนุกกับสิ่งที่ทำ ก็จะมีความคิดที่อยากจะทำ อยากจะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น

ปัจจัยที่สอง จากปัจจัย​ภายนอก​ การที่มีทีมงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยให้การทำงานส่วนต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงด้วยดีและทันเวลา ในส่วนนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน เพื่อนร่วมวิชาชีพต่างๆ รวมถึงทีมงานสายสนับสนุนรอบข้างทุกส่วนงานที่ช่วยกันทำงาน ทำให้งานต่าง ๆ บรรลุได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ขอขอบคุณครอบครัวที่เข้าใจและสนับสนุนเรื่องการทำงานมาโดยตลอด  

 

“ในส่วนนี้ต้องขอขอบคุณ
เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน

เพื่อนร่วมวิชาชีพต่าง ๆ
รวมถึงทีมงานสายสนับสนุน

รอบข้างที่ช่วยกันทำให้
งานบรรลุได้ตามเป้าหมาย”


บางครั้งที่เป้าหมายไม่สำเร็จเกิดจากอะไร ควรปรับปรุงเรื่องอะไร

การทำงานหรือการดำเนินชีวิตมีช่วงขาขึ้นและช่วงขาลง เป็นสัจธรรมของชีวิต การมีอุปสรรคจึงเป็นเรื่องปกติ การเป็นคนมองโลกในแง่บวก ทำให้มองอุปสรรคเป็นหนึ่งความท้าทาย และค่อย ๆ คิดว่าอุปสรรคเกิดจากอะไร ตรงไหนเราแก้ได้ก็ค่อย ๆ ปรับแก้ไขให้ตรงสาเหตุ​และความเร่งด่วน และต้องรู้จักปล่อยวางกับเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ วันหนึ่ง​ถ้าเราก้าวผ่านอุปสรรคมาได้ แล้วมองย้อนกลับไปจะภาคภูมิใจมาก

อย่างช่วงสถานการณ์โควิดระบาดก่อนมีวัคซีน ช่วงนั้นเป็นประธานคณะทำงานดูแลเครื่องช่วยหายใจและเป็นประธานคณะทำงานหอผู้ป่วยวิกฤติระบบการหายใจของ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ควบตำแหน่งกันพอดี โดยมีวาระ 2 ปี จึงเหมือนเป็นความรับผิดชอบที่ต้องพาทีมงานผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันให้ได้ เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ การรักษาในช่วงแรก ๆ ก็ยังไม่มีแนวทางการรักษาที่ชัดเจน เตียงก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลผู้ป่วย ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตไปต่อหน้า เนื่องจากทรัพยากรที่จำกัด ทั้ง ๆ ที่เราน่าจะช่วยได้ดีกว่านี้ ช่วงนั้นต้องยึดหลักปรับตามความเร่งด่วน รู้จักการ call for help งานบางอย่างเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ต้องรู้จักปรึกษาผู้ใหญ่และทีมงาน ปล่อยวางกับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม ทำให้เต็มที่และดีที่สุดในจุดที่เราอยู่ เพื่อที่จะไม่กลับมาเสียใจทีหลัง ว่าวันนั้นทำไมเราไม่ทำ จนในที่สุดก็สามารถผ่านวิกฤตินั้นมาได้ ต้องขอขอบคุณทีมงานและแรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายจริง ๆ


บุคคลต้นแบบในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน

คำตอบแรกที่นึกถึงเลยคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านทรงเสียสละและทรงงานหนักเพื่อประชาชน ทำให้เวลาที่งานล้นมือ เหนื่อยมาก ๆ นึกถึงท่านเราก็มีแรงและอดทนทำงานต่อไปได้ ท่านที่สองคือคุณพ่อคุณแม่ ท่านเป็นแบบอย่างในการทำงานหนักเพื่อครอบครัว ท่านคอยปลูกฝังให้อดทน มุ่งมั่น เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และท่านที่สามคือ คุณครูทุก ๆ ท่าน แต่ละท่านเป็นต้นแบบในด้านต่าง ๆ ที่สามารถเลือกยึดมาเป็นคุณครูต้นแบบในแต่ละด้านจนผสมผสานเป็นตัวเราในทุกวันนี้ ยกตัวอย่างเช่น รศ. นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล และรศ. พญ. สุรีย์ สมประดีกุล ท่านเป็นคุณครูต้นแบบในความเป็นครู ท่านคอยชี้แนะและติดตามการทำงานของลูกศิษย์อยู่เสมอ รศ. นพ. แจ่มศักดิ์ ไชยคุนา และ รศ. นพ. ศุภฤกษ์ ดิษยบุตร เป็นคุณครูต้นแบบในด้านการทำหัตถการทางทรวงอกและหลอดลม ท่านเก่งมาก สามารถช่วยผู้ป่วยในเคสที่ยาก ๆ ให้กลับมาดีได้ จนอยากเก่งให้ได้สักครึ่งของท่านทั้งสอง


คติหรือหลักการที่ยึดถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิต

เป็นคนที่เชื่อมั่นว่า “ความดีจะคุ้มครองเราเอง” ทำดีแม้จะไม่มีใครเห็น สิ่งที่ได้อันดับแรกคือความสุขที่ใจของเราเอง แล้วเราก็จะอยากทำสิ่งดี ๆ อยู่เสมอ


มองการแพทย์ของเมืองไทยว่าอย่างไร ทิศทางอนาคตเป็นอย่างไร

เนื่องจากปัจจุบันที่มีการนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์มากขึ้น แพทย์รุ่นใหม่ เป็นยุคดิจิตอลตจะต้องใช้เทคโนโลยี ระบบอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้ร่วมในการดูแลรักษาผู้ป่วย ซึ่งการใช้ AI ให้ถูกวิธีเป็นประโยชน์ที่ดีและจะช่วยพัฒนาวงการแพทย์ได้อย่างมาก โดยทิศทางการแพทย์อนาคตของเมืองไทยจะพบผู้ป่วยสูงอายุมากขึ้น ผู้ดูแลที่เป็นบุตรมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากผู้สูงอายุรุ่นหลังจะยิ่งมีบุตรน้อยลงมาก ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและภาระการใช้จ่ายงบประมาณโดยเฉพาะด้านสาธารณสุข เกิดปัญหาความไม่เพียงพอของสถานที่ดูแล พักฟื้น และ ช่วยเหลือในการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ การแพทย์ในในอนาคตต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับปัญหานี้


ถ้าให้เลือกปรับปรุง 2 ข้อ เพื่อที่จะทำให้การแพทย์ไทยในอนาคตดีมากขึ้นไปกว่าเดิม อยากปรับปรุงเรื่องใด เพราะอะไร

  1. เน้นให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพ เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมของประชากรก่อนวัยสูงอายุ อย่างมีคุณภาพ ลดปัญหาของสาธารณสุขในระยะยาว
  2. พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยเฉพาะเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุในอนาคต

“สำหรับแพทย์เฉพาะทาง
โรคระบบการหายใจ
และภาวะวิกฤติรุ่นใหม่ ๆ
ขอให้ภูมิใจที่เป็น
แพทย์เฉพาะทางด้านนี้
เพราะเราสามารถช่วยชีวิต
คนไข้ในภาวะวิกฤติได้
แม้งานจะหนักแต่น่าภาคภูมิใจ
และอย่าลืมที่จะใส่ passion
ในการทำงาน ไม่ปิดกั้นตัวเอง…”


ฝากข้อแนะนำให้แพทย์รุ่นใหม่ว่าจะประสบความสำเร็จต้องทำอย่างไร

เนื่องจากสังคมในปัจจุบันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ ผู้คนเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น จริยธรรมทางการแพทย์ โดยยึดมั่นคำสอนของพระบิดา “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ตัวท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์” เป็นหลักคำสอนที่ใช้ได้จริง ส่วนความสำเร็จและเป้าหมายของแต่ละคนคงไม่เท่ากัน ต้องหาความต้องการและวางเป้าหมายก่อนว่าคืออะไร เช่น อาจารย์แพทย์ แพทย์พัฒนาชุมชน แพทย์วิจัย ฯลฯ หากมีเป้าหมายเราจะเห็นทางเดินและกระบวนการวางแผนถึงจะเกิดขึ้น โดยส่วนตัวเวลาตั้งเป้าหมาย จะชอบตั้งเป้าหมายย่อยระหว่างทางไปเป้าหมายหลักด้วย จะรู้สึกมีกำลังใจมากกว่า หากสำเร็จก็จะให้รางวัลตัวเอง แต่หากไม่สำเร็จก็จะคิดทบทวนว่าเกิดจากอะไร และนำข้อผิดพลาดมาปรับปรุงในครั้งหน้า

ในส่วนของแพทย์เฉพาะทางโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤติ จงภูมิใจที่เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ เพราะเราสามารถช่วยชีวิตคนไข้ในภาวะวิกฤติได้ แม้งานจะหนักแต่น่าภาคภูมิใจ และอย่าลืมที่จะใส่ passion ในการทำงาน ไม่ปิดกั้นตัวเองในการที่จะอัพเดตความรู้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องแม้จะสำเร็จการศึกษาแล้ว เพราะเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา

 

บทสัมภาษณ์ Expert interview
  1. อาจารย์ นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล 
  2. อาจารย์ พญ. จิตลัดดา ดีโรจนวงศ์  
แนะนำอ่านเพิ่มเติม
  1. Let’s get updated โดย รศ. พญ. สุรีย์ สมประดีกุล
  2. แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ควรรู้

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก