การศึกษา meta-analysis จากงานวิจัยเฝ้าติดตาม พบว่า ในผู้ที่ได้โอเมก้า 3 ปริมาณสูงจากอาหารโดยเฉพาะจากเนื้อปลา ไม่มีการเกิด atrial fibrillation มากขึ้น แถมยังมีแนวโน้มเกิดลดลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกินปลาปริมาณมากกับกินปลาปริมาณน้อย
ไขมันโอเม 3 เป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์สูง ปัจจุบันมีคำแนะนำให้กินปลาและอาหารที่มีโอเมก้า 3 เป็นองค์ประกอบ ในคำแนะนำอาหารมาตรฐานทั่วไป รวมทั้งมีการใช้ยาเม็ดที่มีส่วนประกอบของโอเมก้า 3 ขนาดปกติ และขนาดสูงในการลดไตรกลีเซอไรด์ และลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
แต่ผลการศึกษาแบบ meta-analysis ที่ออกมา กลับพบว่า การกินโอเมก้า 3 แบบเม็ดจะเพิ่มโอกาสการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ atrial fibrillation ประมาณ 25% เมื่อเทียบกับไม่ได้ใช้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้ขนาดสูงกว่าวันละ 1 กรัม จึงเป็นคำถามสำคัญว่าโอเมก้า 3 จากอาหารจะส่งผลเหมือนโอเมก้า 3 แบบเม็ดหรือไม่
การศึกษาแบบ meta-analysis จากฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ทำการรวบรวมงานวิจัยศึกษาโอเมก้า 3 ในอาหารโดยเฉพาะจากเนื้อปลา ที่มีการวัดผล atrial fibrillation ได้เป็นการศึกษาแบบเฝ้าติดตามจำนวน 17 การศึกษาและกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 54,799 ราย ที่มีการใช้โอเมก้า 3 แบบเม็ดน้อยมาก พบมี atrial fibrillation เกิดใหม่ 7,720 ราย คิดเป็น 14% ของกลุ่มตัวอย่างในระยะเวลา 13 ปี พบว่า ระดับโอเมก้า 3 EPA ไม่เพิ่มการเกิด AF (HR = 1.0) ระหว่างการกินมากระดับ 90th percentile และการกินน้อยที่ระดับ 10th percentile ส่วนระดับโอเมก้า 3 ตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็น DPA, DHA หรือส่วนผสม EPA/DHA พบว่า ลดโอกาสการเกิด AF เมื่อเทียบปริมาณกินมากกับกินน้อย สัดส่วนลดลงประมาณ 10%
ข้อสำคัญของการศึกษาโอเมก้า 3 ในอาหารที่ทำให้ต่างจากโอเมก้า 3 แบบเม็ดอีกประการ คือ ในการศึกษานี้เป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่ำ และพบเป็นโรคหัวใจไม่มากนัก พอเทียบเคียงในกลุ่มประชากรปรกติได้ ส่วนในการศึกษายาเม็ดโอเมก้า 3 ส่วนมากเป็นการรักษาในผู้ป่วยความเสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิด AF สูงอยู่แล้ว
โอเมก้า 3 จากอาหารโดยเฉพาะเนื้อปลา ไม่ทำให้เกิด atrial fibrillation มากขึ้น สามารถรับประทานได้ต่อเนื่องตามแนวทางการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่แนะนำโอเมก้า 3 จากอาหารโดยทั่วไป
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/37468189/
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34612056/